Site hosted by Angelfire.com: Build your free website today!
โอลิมปิกปีนี้ ปิดฉากลงแล้ว อีก 4 ปี ค่อยพบกันใหม่
นอกจากทีมยกน้ำหนักหญิงจะได้มา 1 เหรียญทองแดงแล้ว ทีมมวยสากลสมัครเล่นของเรา ก็ได้มา 1 เหรียญทองแดง กับอีก 1 เหรียญทอง อันเป็น เหรียญเกียรติยศสูงสุดสำหรับปีนี้ ผู้ที่ได้มาก็คือ นายสิบตำรวจตรี วิจารณ์ พลฤทธิ์ ซึ่งเอาชนะบูลัต ชาวคาซัคสถานคว้าเหรียญทองมาได้ ด้วยคะแนน 19 ต่อ 12 หมัด ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ในยกแรก วิจารณ์ปล่อยหมัดเข้าใบหน้าของบูลัตจัง ๆ หลายครั้ง คะแนนนำห่าง ๔-๑
ยกที่ ๒ วิจารณ์ยังคงใช้ จังหวะเดิมดักตอดทำคะแนนมวยคาซัคสถานและเดิน วนออกข้างไม่ให้เป็นเป้านิ่ง แต่บูลัตเดินรุกไล่ ปล่อย หมัดชุด ๑-๒ เข้าหน้าวิจารณ์หลายหมัด คะแนนในยก นี้วิจารณ์แพ้ ๕-๖ แต่เมื่อรวม ๒ ยก วิจารณ์ยังคงนำ อยู่ ๙-๗
ยกที่ ๓ มวยคาซัคสถานเดินเร็วขึ้น แต่วิจารณ์ ก็ยังคงอาศัยเทคนิคที่ได้มาจากการชกมวยไทย คือ การ เกร็งหนีบหมัดคู่ต่อสู้เมื่อเข้าประชิดวงในทำให้บูลัตต่อย วงในตอดเก็บคะแนนลำบาก และในจังหวะถอยของวิจารณ์ ก็ดักหมัดซ้ายเข้าใบหน้าของบูลัตหลายครั้ง คะแนนเมื่อ หมดยกนี้ วิจารณ์นำห่างเป็น ๑๕–๑๑
ยกสุดท้าย มวยคาซัคสถานรู้ตัวว่าเป็นรองยิ่งเดินเร็วขึ้น แต่วิจารณ์ ก็ยังคงใช้เทคนิคเดิมคือเกร็งหมัดคู่ต่อสู้เมื่อเข้าวงในทำ ให้ต่อยลำบาก บูลัตแสดงอาการอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด เพราะทำอะไรไม่ถนัด และเมื่อวิจารณ์ตีจากก็ยิงหมัดซ้าย เข้าใบหน้าบูลัตได้จัง ๆ อีกหลายหมัด ชนะไปอีกยกนี้ ๔-๑ ครบ ๔ ยก วิจารณ์คว้าเหรียญทองด้วยการชนะบูลัต ขาดลอย ๑๙–๑๒ หมัด คว้าเหรียญทองเหรียญที่ ๒ ในประวัติศาสตร์ นักกีฬาไทยในโอลิมปิคเกมส์ วิจารณ์ เปิดใจหลังการชกว่า ดีใจที่สุดในโลกเพราะทำให้คนไทย มีความสุข เมื่อหมดยกแรก เริ่มมีความมั่นใจว่า จะชน ะเพราะ รู้ว่าจังหวะดีกว่าเขา และออกหมัดได้ไวกว่า ส่วน เงินรางวัลอัดฉีดที่ได้มา ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำไปใช้ ทำอะไรบ้าง คงจะต้องตกลงกับภรรยาก่อน ทางด้าน พล.อ.สำเภา ชูศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะนายก สมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ดีใจที่เหรียญทองเหรียญนี้ทำให้พี่น้องประชาชนชาว ไทยมีความสุข ทุกคนที่นี่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ โดย เฉพาะนักมวยมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อมมาตลอด ถึงแม้ยังไม่ เป็นไปตามเป้าที่สมาคมตั้งไว้ ๒ เหรียญทอง แต่ ๑ เหรียญทอง และ ๑ เหรียญทองแดง ที่ได้รับก็คิดว่า เป็นความคุ้มค่าที่ได้ลงทุนลงแรง พล.อ.สำเภา กล่าว ถึงการชกของวิจารณ์ว่า สำหรับวิจารณ์สามารถเอาชนะ ได้ด้วยความสามารถ และสมองของตัวเองล้วน ๆ วิจารณ์คงชกต่อไปได้อีก ๑-๒ หน ในรุ่นนี้ ถ้าวิจารณ์ ยังรักษามาตรฐานนี้ต่อไปได้ คงไม่มีใครสู้เขาได้ คิดว่า โอลิมปิคคราวหน้า วิจารณ์คงทำเหรียญทองได้อีก ส่วนงานในสมาคมจะให้คนในรุ่นหลังทำงานต่อไป ส่วนตัวเองจะขอวางมือแล้ว เพราะทำงานมาแล้ว ๘ ปี แล้ว สำหรับเรื่องรางวัล สมาคมได้เตรียมไว้ให้แล้ว ๒ ล้านบาท สมรักษ์ คำสิงห์ นักชกมวยสากลสมัครเล่น ของไทย กล่าวถึงการชกของวิจารณ์ในวันนี้ว่า วิจารณ์ ชกได้อย่างสุดยอด มีทั้งความนิ่ง ความคม และความเป็นอัจฉริยะ และการที่วิจารณ์สามารถคว้าเหรียญทองในการแข่งขันครั้งนี้ ได้ ถือว่าสามารถช่วยลดแรงกดันของสมรักษ์ได้มาก เพราะ ตั้งแต่พลาดไม่สามารถผ่าน เข้ามาในรอบลึก ๆ ได้ ก็เหมือนกับทำบาปกับคนไทยทั้งประเทศ ต้องรู้สึกเศร้า เสียใจไปด้วย แต่เมื่อวิจารณ์ ได้เหรียญทองมา เหมือนไถ่บาป ให้ตัวเองด้วย และโดยส่วนตัวอยากให้วิจารณ์ชกมวยสากลสมัคร เล่นต่อไป เพราะมวยที่มีความสามารถระดับนี้หาได้ยาก และอายุยังน้อย ขณะที่ พรชัย ทองบุราณ นักชกมวยสากล สมัครเล่นของไทยอีกคนกล่าวว่า วิจารณ์ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว และทำให้ตัวเองเป็นฮีโร่ของคนไทยทั้งประเทศอีกด้วย สำหรับตัวเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จ อย่างมหาศาลเหมือนกัน เพราะโอกาสที่จะเข้ามาถึงเหรียญทองแดงได้เป็นสิ่งที่ยากมาก ขอขอบคุณทางสมาคม ที่ช่วยผลักดันตนเองมาโดยตลอด ส่วนอนาคตจะชกมวยต่อไปหรือไม่นั้น คงต้องดูหลายสิ่งหลาย อย่างประกอบกัน ทางด้าน พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ดีใจที่ ส.ต.ต.วิจารณ์ พลฤทธิ์ นักมวยสากลสมัครเล่นชาวไทย ที่ได้รับเหรียญทองโอลิมปิค ส.ต.ต.วิจารณ์ มีไหวพริบ ในการแก้ไขปัญหาในขณะเข้าด้ายเข้าเข็มทำหน้าที่ได้ดีที่สุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตำรวจในอนาคต และตนจะเดินทางไปรับ ส.ต.ต.วิจารณ์ ในวันเดินทางกลับ ถึงสนามบินดอนเมือง นอกจากนี้ยังฝากว่า ทางสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติจะปูนบำเหน็จความดีความชอบอย่างงาม พร้อมเงิน ๒ ล้านบาท และขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตระกูลดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ และจะได้เลื่อนยศเป็นว่าที่ ร.ต.ต. ให้อีกด้วย.

สรุป ไทยอยู่อันดับ ๔๕ ตารางเหรียญทองโอลิมปิค ร่วมกับประเทศเอสโทเนีย และอุซเบกิสถาน ซึ่ง ได้ ๑ เหรียญทองและ ๒ เหรียญทองแดงเท่ากัน และเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาในเอเชียด้วยกัน ไทยเป็นอันดับ ๗ รองจากจีน ได้เหรียญทองมาก ที่สุดในชาติเอเชียคือ ๒๘ เหรียญทอง เกาหลีใต้ ๘ เหรียญทอง ญี่ปุ่น ๕ เหรียญทอง คาซัคสถาน ๓ เหรียญทอง อิหร่าน ๒ เหรียญทอง อินโดนีเซีย ไทย และอุซเบกิสถาน มี ๑ เหรียญทอง เท่ากัน แต่อินโดนีเซียเหนือกว่าที่จำนวนเหรียญเงิน ๓ เหรียญ ส่วนไทยและอุซเบกิสถานมีจำนวนเหรียญ ทองและเหรียญทองแดงเท่ากัน.

Return