บทที่ ๖
ตัวตน
ทหารของพลเอก ชาคูล ซัคติดตามมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เบื้องหน้าทั้งสี่คือปราสาทที่ปิดผนึกเขี้ยวอัคคี
ปราสาทสีดำทมิฬ กลุ่มเมฆควันที่บดบังบรรยากาศในบริเวณนั้นให้มืดครึ้มสลัว
" พลเอกชาคูล ตามมาแล้วเพคะ" โรล่าบอก
" ปราสาทกาลเวลาอยู่ข้างหน้าเราแล้ว " คีพบอก
" เร่งฝีเท้า " ลอเรียทเสริม แต่เมื่อเห็นกองทหารไล่ตามมากองใหญ่โร่ล่ากลับหยุดฝีเท้าลง
ทันใดนั้นนางปักดาบคู่มือลงกับพื้นและร่ายเวทย์มนต์
" ด้วยนามของปีศาจศักดิ์สิทธิ์ ผู้สืบสายโลหิตนักรบแห่งนครอัลซาบัน ข้าโรล่าขอปิดผนึกผืนดิน
ณ บัดนี้ "
ทันใดนั้นแสงสีเทาก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวนาง และค่อยๆขยายออกไปรอบบริเวณ
กลายเป็นกำแพงเวทย์กั้นทหารปีศาจของพลเอกชาคูล ซัคไว้ได้
" รีบไปเพคะ ข้าจะต้านไว้เอง "
" เจ้าจะบ้ารึโรล่า เจ้าพวกนั้นจะรุมทึ้งเจ้าเป็นเศษเนื้อแน่ " ลอเรียทเกือบจะตะโกนใส่หน้าน้องสาว
" หากพวกทหารเข้าใกล้เขตปราสาทมากกว่านี้เวลา 1 ชั่วโมงอาจเหลือแค่ 20 นาที
นี่เป็นหน้าที่ข้าในฐานะผู้สืบทอดตระกูลขุนพลแห่งอัลซาบัน " โรล่ายืนยัน ออซเทียไม่ได้หันมาพูดว่ากระไรแต่กลับเร่ง
ฝีเท้าวิ่งตรงไปเบื้องหน้า นั่นจะเป็นเพราะความแล้งน้ำใจ หรือความเชื่อมั่นในตัวพวกพ้องกันแน่
" เจ้าตามท่านออซเทียไปข้าจะอยู่กับโรล่า " คีพบอก
"
เข้าใจแล้ว ระวังตัวด้วย " สำหรับคีพ วาจาของลอเรียทครั้งนี้ดูจะสุภาพและน่าฟังที่สุดเท่าที่เคยฟังเลยทีเดียว
" คิดดีแล้วรึที่จะอยู่กับข้า " โรล่าถาม ขณะนี้เวทมนต์แปลงของนางเสื่อมลงแล้วเพราะการใช้เวทย์ป้องกัน
เรือนผมสีทองของนางปลิวไสว ดวงหน้าแสดงความแน่วแน่มั่นคง
เม็ดเหลื่อที่ไหลรินลงมาจากใบหน้านั้นช่างดูสวยงามราวกับหยาดเพชร
" ข้าต้องตอบแทนน้ำใจเจ้านะ โรล่า"
" เรื่องอะไร "
" ข้าได้เห็นนักรบอสูรที่แท้จริงแล้วล่ะ " คีพหันไปยิ้มให้โรล่า นางเองก็ยิ้มกลับ
บัดนี้ทั้งสองพร้อมที่จะออกสู่สงครามแล้ว
มิใช่สงครามของอัลซาบัน หากเป็นสงครามของนายเหนือชีวิต สงครามที่มีเกียรติยศและชีวิตเป็นเดิมพัน
เมื่อพลเอกชาคูล ซัคไล่ตามมาในระยะ เพียง 500 เมตรก่อนถึงปราสาทกาลเวลา
สิ่งที่เขาพบย่อมไม่ใช่เจ้าชายตกยากที่หวังก่อการณ์ใหญ่ แต่เป็นเวทย์ป้องกันของนักรบหญิงแห่งอัลซาบัน และ .มนุษย์
.....................
บัดนี้เจ้าชายออซเทียและคนสนิทยืนอยู่เบื้องหน้าปราสาทกาลเวลา สถานที่อาถรรพ์ของแดนปีศาจ
เวทย์แปลงของพวกเขาเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว แสดงว่า ณ ที่นั้นเวทย์มนต์บางอย่างมีอิทธิพลเหนือกว่า
กลิ่นฉุนที่ราวกับเนื้อเน่าโชยออกมาพร้อมๆกับเสียงโหยหวนของคนตายและเสียงกรีดร้อง
เสียงเหล่านี้หวีดแว่วเข้าไปในโสตประสาทของทั้งคู่
บานประตูเหล็กกล้าที่ถูกทาด้วยเลือดนักรบโบราณนั้นยังคงเป็นสีแดงสด
แม้ว่ากาลเวลาแห่งมนต์สะกดจะเคลื่อนมานานกว่า 500 ปี
ตราหัวกะโหลกสีดำ แวววับ ดูราวกับจะกล่าวต้อนรับและท้าทายผู้มาเยือน
เจ้าชายยื่นมืออกไปสัมผัสประตู ลูบไล้ที่ตรา หัวกะโหลกสีนิลบนประตู
" เปิดทางให้ข้า เขี้ยวอัคคี " แอลฟีเรียพูดขึ้น ในน้ำเสียงนั้นฟังดูเผินๆเป็นแค่คำพูดของปีศาจที่เย่อหยิ่ง
แต่สำหรับลอเรียทเข้ารับรู้ทันทีว่าแอลฟีเรียได้ร่ายเวทย์ใส่ไปในคำพูดด้วย เพื่อการสื่อสารกับเจ้าอาวุธอาถรรพ์นั่น
.ฉับพลันประตูเหล็กบานใหญ่ค่อยๆเคลื่อนเปิดออก ภาพเบื้องหน้าไม่มีสิ่งใดนอกจากกลุ่มควันสีดำ เจ้าชายก้าวไปข้างหน้า
จิตในขณะนี้มุ่งมั่นอยู่แต่เพียงชัยชนะที่ตนจะต้องมีต่อเจ้า ศาสตราวุธอัปมงคลเท่านั้น
แต่ ก่อนที่ร่างของเจ้าหญิงจะหายลับไปในกลุ่มควัน ลอเรียทเอื้อมมือไปดึงแขนของนางไว้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าคู่หมั้น
นางผู้เป็นที่รักผู้นี้จะไม่กลับมาหาเขาอีกเลย ราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างจะเปลี่ยนแปลงนางไปตลอดกาล
" ปล่อยข้า ลอเรียท " แอลฟีเรียสั่งโดยไม่หันมามองชายคู่หมั้นเสียด้วยซ้ำ
" เจ้า
.เจ้าจะกลับมาใช่ไหม " เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย
" ปกป้องข้า นั่นคือหน้าที่ของเจ้า " แอลฟีเรียพยายามสะบัดมือของลอเรียททิ้ง
แต่เขายังคงไม่ไม่ปล่อย
" รับนี่ไว้เถอะ สัญญาว่าเจ้าจะกลับมา " ลอเรียทถอดแหวนออกจากนิ้วของเขา
ธรรมรงค์ศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลขุนพล
เครื่องรางสีทองคำประทับตรามังกรวารีสีฟ้าใส
" มันมีค่าเกินไป นี่อาจเป็นไพ่ตายของเจ้าในการสู้กับพลเอกชาคูล ซัค "
แอลฟีเรียซึ่งเห็นการกระทำของเขานั้นแสดงความไมาสบายใจออกมาทันที
น้ำเสียงของนางดูจะวิตกในการกระทำของลอเรียทไม่น้อย ผู้ชายคนนี้เหตุใดจึงเป็นห่วงนางมากมายเพียงนี้กัน
จริงที่ว่านางเชื่อมั่นในตัวเขา เชื่อในทุกสิ่งที่เขากล่าว ทุกสิ่งที่เขากระทำ แต่ ณ บัดนี้ชายผู้นี้กำลังจะทิ้งแม้แต่ชีวิตเพื่อนาง
ลอเรียทสวมแหวนของเขาที่นิ้วมือเรียวงามของเจ้าหญิงแอลฟีเรีย เขารู้ตัวว่าตนเองกำลังทำสิ่งใด
แหวนตราเวทย์
ศาสตราวุธประจำตนของเขา
" เจ้าบอกจะปกป้องข้า แต่เจ้าละทิ้งชีวิต "
" ข้าปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของข้า แอลฟีเรีย "
ลอเรียทจุมพิตที่แหวนทองคำซึ่งบัดนี้เปล่งประกายแวววาวอยู่บนนิ้วของสตรีผู้เป็นที่บูชาของเขาแล้ว
แอลฟีเรียหันกายกลับเข้าไปที่ประตู นางหายเข้าไปในกลุ่มควันดำนั่น สำหรับลอเรียท
เขาไม่มีเวลาที่จะรอให้เสียงฝีเท้าของนางในดวงใจหายไปด้วยซ้ำ เพราะขณะนี้บานประตูค่อยๆเคลื่อนปิดลงอีกครา
" ข้าจะปกป้องเจ้าแอลฟีเรีย " เขาสาบานกับตนเอง และยืนคุ้มกันอยู่
ณ ที่นั้น เมื่อใดที่เขาเห็นเงาของกองทหาร นั่นคือเวลาวิกฤต
เพราะนั้นหมายถึงความพ่ายแพ้ของปราการด่านแรก โรล่าและคีพ
.