เบื้องหลังของเปลวเพลิง
ภาคที่ ๒
จอมทัพปีศาจ
บทที่ ๑
เตรียมทัพ
" ไง " แร็กเนสเอยขึ้นก่อนเพื่อทำลายความเงียบสงบ ณ ที่นั้น
" เกราะหัวกะโหลกนั่นอัปลักษณ์เหมาะกับเจ้าดีนี่ " ชาคูล ซัค กล่าวขึ้น
เขาก้าวออกมายืนหน้าทหารทั้งปวงพร้อมกับดาบอัสนีในท่าเตรียมพร้อม ในขณะที่
อำมาตย์ทั้งสองกำลังใช้สมาธิในการพิจารณาเกราะสีขาวที่แขนขวาของ ..
" เป็นคำชม ชาคูล ซัค น่าเสียดายที่ไพร่พลต้องล้มตายให้กับเรื่องเหลวไหลของความมักใหญ่ใฝ่สูง "
" นักโทษตายไม่มีสิทธิกล่าววาจาเยี่ยงนี้ ข้าจะสำเร็จโทษเจ้าแทนองค์จักรพรรดิ
" พลเอกชาคูลกล่าวต่อ
เขาเรียกอัสนีบาตให้ผ่าลงมาอีกครั้ง ฉับพลันนั้นร่างของเขาก็พุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว
เงาของดาบฟาดฟันลงมาอย่างเต็มกำลัง ทว่า .ดาบของเขาถูกเกราะสีขาวของแร็กเนสนั้นหยุดไว้อย่างสิ้นเชิง
ราวกับได้ปะทะกับเหล็กกล้ากระนั้น
" เกราะนี่! " นายทหารเอกร้อง แต่เขาไม่มีเวลาหยุดพัก หรือแสดงความประหม่า
พลเอกชาคูล โจมตีซ้ำด้วยเวทมนต์สายฟ้าฟาดทันที เสียงฟ้าร้องดังกังวาลยิ่งกว่าเมื่อครู่
แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ตัดสินใจที่จะเผด็จศึกอย่างรวดเร็ว
" สมกับที่เป็นทหารเอก " แร็กเนสแสยะยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เคลือบไว้ด้วยมนต์ดำของปีศาจโดยแท้
ร่างของท่านชาคูล ถึงกับผงะไปชั่วครู่ และกายถึงกับสั่นเมื่อเห็นแววตาอสูรที่ราวกับมีไฟลุกโชติช่วงอยู่ภายใน
นี่มิใช่ดวงตาที่เขาเคยเห็นมาก่อน ไม่ใช่ดวงเนตรของเจ้าหญิงนักรบโฉมงาม ที่คนในอัลซาบันรู้จัก
ร่างของอสูรนั้นเคลื่อนไหวหลบการโจมตีของเขาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น
" อ่ะ! " ดาบของอสูรแทงเข้าที่ช่องท้องของทหารเอกทะลุถึงกลางหลัง เลือดสีแดงไหลอาบดาบสีเงินวาวนั้น
อย่างไรก็ตามไม่มีรอยเปื้อนแสดงความเจ็บปวดออกมาจากใบหน้าท่านชาคูล
" สาย
ฟ้า! " พลเอกชาคูล เรียกสายฟ้า คราวนี้เขาใช้ตนเองเป็นสายล่อฟ้า
กระแสไฟฟ้าหลายหมื่นโวลต์ไหลผ่านเลือดของเขาเพื่อเข้าประชิดตัวคู่ต่อสู้
" โง่เง่า! " แร็กเนสสบถ นางไม่ได้พยายามหลบหลีกกระแสไฟกลับแทงทะลุแผลที่ช่องท้องศัตรูลึกยิ่งขึ้น
แขนขวายกร่างคู่ต่อสู้ขึ้น ตอนนี้ร่างที่บอบช้ำของชาคูล ซัค ต้องเผชิญกับดวงตาของหัวกะโหลกนั่น
" เขี้ยวอัคคี! " แร็กเนสออกคำสั่ง ฉับพลันเปลวเพลิงมหาศาลพุ่งออกจากดวงตาของหัวกะโหลก
แผดเผาร่างของศัตรูอย่างรุนแรง เปลวเพลิงนั้นลุกโชติช่วง เผาไหม้บริเวณโดยรอบ
" ไฟพญายม! " อำมาตย์ ซาอิล ราฮิทเอ่ยขึ้นก่อน ท่านพยายามเพ่งพินิจอาวุธที่อยู่ที่แขนขวาของ
รัชทายาท
อาถรรพ์และความดำมืดบางอย่างที่ปิดกั้นตัวตนของมันอยู่
" มันคืออะไรกัน รึว่า " อำมาตย์มิเกล ฮัค ไม่พยายามพูดต่อ แต่สำหรับใจของท่าน
ขณะนี้ ดูเหมือนจะมีคำตอบให้กับตนเองแล้ว
" ท่านคิดเช่นข้ารึไม่ ท่านซาอิล "
" ไม่น่าเป็นไปได้ เจ้าชายจะนำมันออกมาได้อย่างไร มันคืออาถรรพ์ "
ท่านซาอิลกล่าวกับตนเอง
ท่านพยายามเพ่งมองสิ่งนั้นยิ่งขึ้น แต่ด้วยอานุภาพเวทย์แห่งไฟที่ร้อนแรงเช่นนั้น " หากเป็นจริง
เพลิงนั่นรุนแรงยิ่งกว่าไฟที่เผาผลาญเรือนจำเสียอีก ชาคูล ซัคเห็นท่าจะ " ท่านอำมาตย์ซาอิลพยายามวิเคราะห์
" ไม่!" อำมาตย์มิเกล ฮัค ร่ายเวทย์ พร้อมกับเขวี้ยงไม้เท้าแมงมุมดำไปเบื้องหน้า
ขณะที่การต่อสู้ของปีศาจนักรบทั้งสองกำลังมาถึงขั้นตัดสิน สภาพของชาคูล ซัค ไม่อยู่ในสภาพพร้อมรบอีกต่อไป
แมงมุมยักษ์สีดำทะมึนปรากฏร่างเบื้องหน้าของแร็กเนส แต่นั่นมิใช่สิ่งที่ทำให้นางต้องหวาดหวั่น
นางร่ายเวทย์ดำและฉับพลันนั้น เปลวเพลิงสีดำก็เผาไหม้อสูรแมงมุมจำแลงทันที ในจังหวะที่เพลิงโหมนั้น
นางฉวยดาบอัสนีจากมือที่อ่อนระโหยของท่านพลเอก ฟันเข้าที่กลางลำตัวของแมงมุม โลหิตสีเขียวกระเซ็นจากร่างจำแลงนั้น
" บ้าชิบ! " อำมาตย์ มิเกล สบถออกมาอย่างดัง
เวทย์แมงมุมดำของท่านถูกทำลายตั้งแต่ยังไม่สำแดงฤทธิ์ด้วยซ้ำ ความรวดเร็ว และเปลวเพลิงนรกนั่น
เป็นสิ่งที่ อัลซาบันไม่เคยพบมาก่อน แสดงถึงอานุภาพของอาวุธที่สนับสนุนผู้ใช้ได้อย่างดี
ศาสตราวุธลึกลับที่เคยหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของอัลซาบัน ครั้งนี้ มันได้กลับมาแล้ว เขี้ยวอัคคี
" ต่อไปใครดีล่ะ ชาคูล ซัค มิเกล ฮัค เป็นท่านต่อไปรึไม่ ซาอิล ราฮิท "
แร็กเนสส่งดาบคืนให้กับนายทหารเอกที่กำลังพยายามพยุงร่างขึ้นยืน ใบหน้าของนางต่างจากเมื่อครู่
แววตาของอสูรนั้นเลือนหายไปชั่วขณะ " เป็นดาบที่ดี " แร็กเนสกล่าว ชาคูล ซัค ก้มลงเพ่งมองดาบและปีศาจที่อยู่เบื้องหน้าเขา
รสชาติของความพ่ายแพ้มิได้หอมหวาน บุคคลซึ่งทรนงต้องพ่ายแก่ผู้ที่ตนตราหน้าว่าขี้ขลาดตาขาว
" ท่านมิได้ไร้ฝีมือ " ท่านชาคูลกล่าว
" ท่านคลางแคลง เฉกเช่นกับที่ชาวอัลซาบันเคลือบแคลงในตัวข้า มีเพียงเขี้ยวอัคคีนี้กระมังที่พอจะเชื่อข้าอยู่บ้าง
"
" คืออาถรรพ์นั้นจริงๆ " ท่านชาคูล กล่าวอย่างสงบ เขายังไม่ยอมรับดาบจากมือของแร็กเนส
" ยินดีกับชัยชนะที่มีต่อศาสตราวุธอาถรรพ์นั้น " ท่านซาอิลกล่าวขึ้น
" ขอบคุณ " บ
" ว่าแต่ จะกรุณาอธิบายได้ไหมเล่า เรื่องราวทั้งมวลที่ได้เกิดขึ้น องค์รัชทายาท
" เสียงของท่านซาอิล ราฮิท ดังขึ้น
พร้อมกับก้าวขึ้นมาเผชิญหน้า พร้อมกับท่านมิเกล ซึ่งบัดนี้ไม่มีไม้เท้าอยู่ในมือ
" ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีความสงสัย การกระทำของข้าย่อมพิสูจน์สิ่งนั้น "
แร็กเนสกล่าวตอบ
" ท่านยังคงเป็นรัชทายาทแห่งองค์จักรพรรดิคาไรเซอร์รึไม่ " อำมาตย์ซาอิล
กล่าวต่อ
ทว่า แร็กเนส
กลับหัวเราะขึ้นทันทีที่ได้ฟังคำถามนั้น เสียงหัวเราะอันดังนั้นฟังดูหยาบกร้านและไร้ซึ่งความโศกเศร้า
" หมายถึงผู้ตายเช่นนั้นรึ "
" ผู้ตาย! "
" ใช่ พวกท่านได้แต่รำพึงถึงผู้ตาย คร่ำครวญแต่อดีต ไม่เคยดูสถานการณ์
ความพยายามที่จะระลึกถึงวิญญาณที่ตายจากทำให้แผนการนำอัลซาบันไปสุ่ความย่อยยับบังเกิด "
" ไม่มีผู้ใดต้องการนำพามหานครไปสู่คราวอับจน รัชทายาทที่ขลาดกลัวต่างหากคือต้นเหตุแห่งความโชคร้าย
" มิเกล ฮัค เอ่ยขึ้นบ้าง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธอย่างล้นหลาม
เสียงที่ใหญ่โตราวเสียงฟ้าร้องนั่นมีท่วงทำนองที่น่าหวาดกลัวไม่น้อย แต่ มิใช่กับแร็กแนส
" การศึกที่ไร้ทางชนะ ยิ่งดื้อดึงจะพากเพียร เช่นนี้แล้วเหตุไฉนข้าต้องนำชีวิตตนเองเข้าเสี่ยงด้วย
เลือดของข้าจะไหลรินเพื่อชัยชนะแก่อัลซาบันเท่านั้น " แน่นอนว่าคำตอบของแร็กเนสสร้างความแคลงใจกับเหล่าขุนนาง
และทหาร ณ ที่นั้นเป็นอย่างมาก นั่นหมายถึง รัชทายาทผู้นี้ล่วงรู้ถึงความพ่ายแพ้ขององค์จักรพรรดิตั้งแต่แรกแล้วรึ
ความขัดแย้งที่แท้จริงคือเรื่องใดกันแน่
" เหตุใดจึงไม่ปรึกษากับพวกข้า หรือว่าท่านเห็นว่าเราคือข้ารับใช้เบาปัญญาเช่นนั้น
" ท่านซาอิลกล่าว แร็กเนสยิ้มรับ
นางรู้ว่าวาจาคมคายและเรื่องมดเท็จย่อมใช้ได้ดีเสมอมาในประวัติศาสตร์ของโลก
" เรื่องในอดีตนั้นไม่จำเป็นนักหรอก ณ บัดนี้คือเวลาแห่งการเริ่มต้นต่างหาก
"
" แม้เรื่องที่ท่านกล่าวเป็นจริง การเพิกเฉยต่อโองการจักรพรรดิก็
.. "
อำมาตย์ มิเกล พยายามกล่าวต่อ แต่ ณ บัดนี้
ดาบของแร็กเนสได้จ่ออยู่ที่คอหอยของท่านแล้ว
" ปีศาจที่แท้จริงนั้นเถื่อนนักมิเกล ฮัค " ทันใดนั้น แร็คเนสประกาศก้องต่อเหล่าข้าราชบริพาร
ราวกับเสียงคำรามของพญาราชสีห์ " ผู้ใด ณ ที่นี้ไม่รู้ว่ายุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว
ผู้อยู่เหนือหัวพวกเจ้าหาใช่จักรพรรดิที่ตายอย่างอนาถาในสนามรบไม่ หากแต่เป็นข้า แร็กเนส จอมทัพคนใหม่แห่งอัลซาบัน
ใต้ฝ่าเท้าของข้านับแต่บัดนี้คืออำนาจ และความยิ่งใหญ่ในฐานะจักรพรรดิ " บรรยากาศกลับมืดครึ้มลงในทันใด
เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่ม เช่นเดียวกับสายฟ้าฟาดลงกลางปราสาทกาลเวลาดังสนั่นหวั่นไหว นั่นจะเป็นเพราะเวทมนต์
หรือการเตือนจากสวรรค์ก็ตามที แต่ ณ บัดนี้ จอมทัพปีศาจแร็กเนสก็ได้ประกาศเจตนารมย์ของตนแก่ห้วงสวรรค์ และพื้นปฐพีแล้ว
" รับบัญชาท่านจอมทัพ " ชาคูล ซัค คุกเข่าลงตรงหน้าจอมทัพปีศาจ น้อมรับดาบอัสนีกลับสู่ความ
ครอบครองของตน
เขาจุมพิตที่มือซ้ายของเจ้านายเพื่อแสดงความภักดี ความพ่ายแพ้
และความชื่นมื่นบางอย่างทำให้ใจของเขาพร้อมที่จะอยู่ใต้อาณัติของจักรพรรดิพระองค์ใหม่แห่งอัลซาบัน ข้างๆนั้น คีพ โรล่า
และลอเรียทต่างก็คุกเข่าลงพร้อมกัน ซาอิล ราฮิท พร้อมกับทหารและขุนนางอัลซาบันทรุดกายลงถวายคำปฏิญาณ
" พวกข้าพระองค์จะขอรับใช้เบื้องพระยุคลบาท น้อมรับคำสั่งท่านจอมทัพตราบเท่าที่ชีวิตจะหาไม่
"
" ตราบเท่าวิญญาณพวกเจ้าดับสลาย " แร็กเนสเสริม สายตาของท่านจอมทัพปีศาจกวาดมองข้ารับใช้โดยรอบ
และ บัดนี้
ร่างของท่านอำมาตย์ มิเกล ฮัค ก็ได้ทรุดกายลงกล่าวคำถวายพระพร
" ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ตราบชั่วกัลปาวสาน "
" ถูกต้อง และ ณ บัดนี้ เพื่อล้างอายแก่มหานครอัลซาบันซึ่งถูกจักรพรรดิเบาปัญญานำพาไปสู่ความเสื่อมเสีย
ข้าในฐานะจอมทัพขอบัญชา เราจะทำการเปิดสงครามกับราชินีมายา
ข้าขอสาบานด้วยเลือดและวิญญาณต่อหน้าพวกท่านในที่นี้ว่า
เราจะนำหัวของราชินีปักเสียบประจานล้างอายแก่ชาวอัลซาบัน ทั้งปวง
ให้ทุกชีวิตบนทวีปเรเนอแลนด์รับรู้ถึงความเกรียงไกรของเรา "
เสียงโห่ร้องของทหารหาญดังกึกก้องขึ้น ได้เวลาออกรบอีกครั้งหนึ่งแล้ว
จอมทัพพระองค์ใหม่สนองตอบความปรารถนาของทหารและปีศาจทุกตนในนคร ด้วยความเป็นผู้นำที่อาจหาญ
ผู้แสดงความแกร่งกล้าในฐานะยอดนักรบแห่งมหานครที่มิมีผู้ใดทัดเทียม
ด้วยปัญญาที่คาดการณ์สงครามแพ้ชนะประดุจยอดนักปราชญ์ ผู้นำที่แม้แต่อาถรรพ์และคาถาทั้งปวงต้องยอมสยบ
ชัยชนะ ย่อมตกแก่อาณาจักรปีศาจอันยิ่งยงอย่างแน่แท้
.............................
" ท่านล้างสมองทหารกับปีศาจอัลซาบันทั้งหมดได้ด้วยคำโกหก "
คีพพูดขึ้นเมื่อเขาเข้าเฝ้าจอมทัพปีศาจเป็นการส่วนตัวในวันรุ่งขึ้น
" เราทำเรื่องโกหกให้เป็นเรื่องจริงได้ คีพ " แร็กเนสยิ้มให้ เขานั่งลงที่เก้าอี้พลางกางแผนที่ขนาดใหญ่ออก
" อัลซาบัน จุดนี้คือจุดที่ทหารของจักร..ไม่ ของคาไรเซอร์พ่าย " คีพชี้ไปที่จุดสีแดงทางตะวันออกของแผนที่
" ถูกต้อง ของอดีตจักรพรรดิ เรียกอย่างที่ถนัดเถอะ "
" ยกเว้นนามของท่าน "
" จงเคยชินกับตัวตนของข้า คีพ อย่านอกเรื่อง การวิเคราะห์ป่าของราชินีเป็นอย่างไรบ้าง
"
" มีเรื่องน่าเซอร์ไพรส์น่ะสิ ท่านต้องพอใจแน่ แต่ทุกอย่างต้องเป็นความลับ
" เขากระซิบข้าความบางอย่างกับจอมทัพปีศาจ
และเมื่อสิ้นสุดการส่งสาร ท่านจอมทัพก็แสยะยิ้มขึ้นอีกครา
" เจ้ากับข้าเท่านั้น ใช่ไหมไหมคีพ "
" ถูกต้องพะย่ะค่ะ "
ภายหลังจากนั้นเพียง ๔ วัน กองทัพอันยิ่งใหญ่ของมหานครปีศาจอัลซาบัน ภายใต้การนำของจอมทัพปีศาจแร็กเนส
ได้ออกเคลื่อนทัพไปทางทิศตะวันออกของนคร อำมาตย์ซาอิล ราฮิท รักษาการณ์ในฐานะผู้สำเร็จราชการ
โดยมีท่านหญิงโรล่าคอยควบคุมความสงบในพระนคร อำมาตย์มิเกล ฮัค ตามเสด็จเป็นทัพหลัง พลเอกชาคูล ซัค
ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองแม่ทัพรับคำสั่งโดยตรงจากจอมทัพ ลอเรียทรักษาการณ์ตำแหน่งขุนพลตามเสด็จไปกับทัพหน้า คีพ
มนุษย์เพียงผู้เดียวแห่งอัลซาบันติดตามจอมทัพปีศาจในฐานะเสนาธิการทหาร
สงครามบทที่หนึ่งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ไปต่อ