ความยุติธรรม
ฉันเพิ่งจะมีครอบครัวเป็นครั้งแรก ตอนนี้ฉันมีน้องชายและน้องสาวที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันเลยมาอยู่ด้วยกัน
นับหลังจากที่คุณพ่อบุญธรรมเสียไปก็ครบ 1 ปีพอดี การเปิดพินัยกรรมของท่านถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของฉันทีเดียว
ญาติทุกคนที่มีชื่อได้รับมรดก จะต้องเลี้ยงดูทายาทที่แท้จริงของคุณพ่อทั้งสองคนที่เกิดกับผู้หญิงชาวอังกฤษจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
และทั้งสองคนจะได้เข้ามาถือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท นี่เป็นข้อกำหนดซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามก็ถือว่าไม่ได้รับส่วนแบ่งตามที่พินัยกรรมระบ
ุ ใครๆก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพินัยกรรมฉบับนี้ " ไร้ความยุติธรรม " ฉันคงเป็นคนเดียวในตระกูลแน่ที่ดีใจอย่างออกนอกหน้า
ในฐานะที่ฉันเป็นบุตรบุญธรรมและอยู่ในฐานะทายาทเพียงคนเดียวมาตลอด หลายคนคงคิดว่าฉันจะต้องริษยา เปล่าเลย ฉันดีใจมาก
ฉันจะได้เป็นพี่ชาย
ฉันให้พ่อบ้านส่งจดหมายไปหาน้องตามที่อยู่ที่คุณพ่อเขียนไว้
และไม่นานเราก็ได้รับจดหมายตอบกลับและเพิ่งทราบเป็นครั้งแรกว่าน้องของฉันเป็นฝาแฝดชายหญิง อเล็ค กับ โซเฟีย
ทั้งสองขอให้เราส่งตั๋วเครื่องบินและค่าเดินทางไปให้และจะเดินทางมากรุงเทพฯโดยเร็วที่สุด
หลายคนสงสัยว่าคุณแม่ของทั้งสองคนไปไหน คุณพ่อไม่ได้กล่าวถึงท่านเลย ส่วนอเล็คกับโซเฟียก็ไม่ได้บอกเลยว่าจะรับท่านมาด้วย
แต่เพื่อเป็นการตัดปัญหาฉันส่งตั๋วเครื่องบินไป 3 ใบ
....................
เช้าวันที่ 24 ตุลาคม ฝนตกหนัก ฉันกับพ่อบ้านเดินทางไปสนามบินกันแค่สองคนเพื่อต้อนรับน้อง
ญาติที่เหลือจะรออยู่ที่บ้านเพื่อตกลงปัญหาที่กำลังเดินทางมาถึง
ความจริงฉันเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าตนเองจะหาสองคนนี่พบได้ยังไงเพราะไม่เคยเห็นรูปถ่ายด้วยซ้ำ
จึงต้องนั่งรออยู่บริเวณที่ทางสนามบินกำหนดและให้โอเปอเรเตอร์เรียกทั้งสองคนให้
เด็กสองคนที่เดินเข้ามาหาเรามีผมสีดำสนิททั้งคู่ ดวงตาเป็นสีเขียวน้ำทะเล
ผิวออกจะคล้ำไปหน่อยถ้าเทียบกับฝรั่งทั่วไปแต่ก็จัดว่าขาวมากสำหรับคนเอเชีย อายุคงราวๆ13-14มั้ง ไม่น่ามากกว่านั้น
ทั้งสองคนเหมือนตุ๊กตาแก้ว ถ้าเอื้อมมือไปสัมผัสแรงๆก็อาจเปราะแตกได้ง่ายๆ ฉันคิดแบบนั้น
" Hello !" ฉันทักเขา
" สวัสดี " เด็กผู้ชายพูด ฉันกับพ่อบ้านค่อนข้างจะตกใจเล็กน้อย เด็กนี่พูดภาษาไทยได้!
" เธอพูดภาษาไทยได้ด้วยเอ่อ..อเล็ค ใช่ไหม "
" อเล็ค ใช่ฉัน ..ไม่สิ..ผมพูดได้ " ท่าทางเขาจะยังสับสนกับการเลือกใช้สรรพนามแต่ก็โอเค
" นี่คงเป็นโซเฟีย สวัสดีจ้ะ "
"
.." แต่โซเฟียไม่ตอบ
" น้องผมไม่รู้เรื่องหรอก เธอพูดภาษาไทยไม่ได้
ไม่ค่อยได้พูดน่ะ"
อเล็คอธิบาย น่าแปลก
..
ความประทับใจครั้งแรกที่มีต่อเด็กคู่นี้ไม่ว่าใครก็คงเห็นเหมือนกันว่าเป็นเด็กที่สวยจริงๆ
ที่ได้รับไปจากคุณพ่อคงเป็นผมสีดำนั่น
แต่เชื่อว่าคุณแม่ชาวอังกฤษคงจะต้องสวยมากแน่ๆ
" คุณแม่ไม่ได้มาด้วยเหรอ " ฉันถามเมื่อเราอยู่ในรถ พ่อบ้านกำลังขับพาเราไปส่งที่บ้าน
"
.ตายแล้ว " อเล็คพูด
" !เสียตั้งแต่เมื่อไหร่ "
" เสีย
.."
" คำสุภาพของคำว่าตาย ท่านเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ "
"
สองเดือนก่อน ก่อนได้รับจดหมายซักอาทิตย์ได้ " อเล็คตอบ
ฉันเพิ่งจะสังเกตว่าแขนขวาของเขากอดน้องสาวไว้ตลอดทางทางทีเดียว โซเฟียตัวสั่น คงไม่ใช่เพราะอากาศเย็นจากฝนตก
คงแปลกถิ่นกระมัง
ญาติๆมารวมตัวกันที่บ้านใหญ่ คฤหาสน์ของคุณพ่อกันเต็ม คฤหาสน์นี้เป็นตึกหลังใหญ่บนพื้นที่ขนาด
10 ไร่ใจกลางเมือง
ตระกูลเราเป็นตระกูลใหญ่มานานแล้ว ลูกหลานเป็นถึงขั้นรัฐมนตรีบ้าง อธิบดีบ้าง ไม่ก็เจ้าของบริษัทใหญ่โต
ทุกคนคงจะรู้สึกอย่างละครน้ำเน่ากระมังว่าคุณพ่อไม่น่าไปมีลูกกับผู้หญิงต่างชาติไร้สกุลเลย
สายตาที่พวกเขามองอเล็คกับโซเฟียราวกับกำลังมองตัวประหลาด สายตาบางคู่แทบจะกินเลือดกินเนื้อ
ก็แน่ล่ะพวกเขาจะต้องเจียดเงินของตัวเองมาเลี้ยงดูเด็กที่พวกเขามองว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า ซ้ำโตขึ้นมาก็เป็นหอกข้างแคร่อีก
ฉันไม่อยากจะพูดหรอกว่ามีหลายคนที่กำลังวางแผนชั่วๆอยู่ หลายแผนทีเดียวล่ะ
คุณลุงที่เป็นอธิบดีกรมตำรวจรับเป็นผู้ปกครองเด็กทั้งสอง และจะจัดให้เข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ
ท่าทางเขาจะกระตือรือร้นดูแลน้องของฉันมาก แต่ ใครจะเชื่อว่าจริงใจในเมื่อเขาถือหุ้นถึง
20%ของบริษัทใหญ่อยู่และพร้อมที่จะเขมือบอีก 51%ของอเล็คกับโซเฟีย คนที่จะดูแลเรื่องเสื้อผ้า
ที่อยู่และอาหารให้พวกเขาก็คือฉันในฐานะที่เป็นพี่ชายที่มีงานมีการทำแล้ว
ดังนั้นพวกเขาจึงย้ายเข้ามาอยู่บ้านของฉันซึ่งอยู่ห่างออกไปจากตัวคฤหาสน์ใหญ่ เป็นบ้านขนาดปานกลาง 2 ชั้น
ซึ่งพวกผู้ใหญ่หลายคนไม่ชอบเอาเสียเลยที่ฉันรับน้องมาอยู่ด้วย
แน่ล่ะ เขาหาว่าฉันอยากได้สมบัติและคิดอกุศลต่อไปว่าถ้าฉันซึ่งเป็นหนุ่มอายุ 26
แต่งงานกับน้องสาวบุญธรรมซึ่งก็คือโซเฟียฉันจะได้รับสมบัติมากแค่ไหน อเล็คได้ยินเรื่องที่พวกนั้นพูดกัน
แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ และเมื่อใครถามเขาเป็นภาษาไทย เขาก็ไม่เคยตอบ