ลำนำบทที่ ๖ จดหมาย
นับเป็นเวลากว่า ๑ เดือนหลังจากที่กษัตริย์ชินบุเสด็จกลับถึงเกได
พระองค์ต้องใช้เวลาทักฟื้นอยู่เกือบหนึ่งอาทิตย์เพราะบาดแผลที่ช่องท้อง สำหรับเรื่องที่ว่าทรงได้รับบาดเจ็บเมื่อใดนั้น
ไม่ทรงปริปากบอกกับผู้ใดเลยแม้แต่กับ ..พระชายา
" สึกาสะขอเข้าเฝ้าเพคะพระชายา" นางกำนัลต้นห้องรายงานต่อนายหญิงก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เชิญท่านสึกาสะ
หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ อาริคาวะ สึกาสะ เข้ามาถวายคำนับพระชายา ซึ่งประทับอยู่หลังม่าน และโดยมิต้องตรัสคำใดๆ
นางกำนัลต่างก็ลุกเดินออกไปจากบริเวณห้องรับรองนั้นเสียสิ้น เหลือเพียง ซายะ นางกำนัลคนสนิทเท่านั้น
" ปิดห้อง ซายะ"
" เจ้าค่ะ" ทันทีที่ซายะเลื่อนปิดประตูห้องและลงกลอนทันที ส่วนสึกาสะก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากเสื้อ
" ท่านนั้นฝากจดหมายมาถึงท่าน ซายะถวายให้ท่านคางุยะที"
" เจ้าค่ะ" ซายะ รับจดหมายจากสึกาสะ และเมื่อพระชายาคางุยะคลี่จดหมายออกอ่าน
พระนางก็เกือบจะสะกดอาการยิ้มไว้ไม่อยู่
ทรงพระสรวลเล็กน้อยก่อนจะจุมพิตที่จดหมายและเผาจดหมายนั้นทันที
" ท่านผู้นั้นว่าประการใดขอรับ" ท่านสึกาสะขุนนางหนุ่มแห่งเกไดเอ่ยถาม
ท่าทางของเขาดูจะอยากรู้อยากเห็นมิใช่น้อย
" ท่านไม่ได้พบท่านผู้นั้นเลยรึ ครั้งที่อยู่เรียวโฮน่ะ"
" หามิได้ขอรับ มีเรื่องที่ผิดแผนไปบ้าง"
" ท่านผู้นั้นบอกข้าแล้ว
..นั่นเป็นการยืดหยุ่นตามสถานการณ์นะท่านสึกาสะ"
" ข้าเข้าใจขอรับ แล้วต่อไปเราควรจะทำเช่นใด"
" ไม่ต้องรีบร้อนหรอก จากนี้จะเป็นหน้าที่ของข้า"
" กษัตริย์ชินบุทรงประชวร ข้าเกรงว่าแผนการจะเสียหาย"
" ไม่หรอก การที่ทรงประชวรน่ะสิที่จะเร่งให้แผนของเราลุล่วง ข้าอยากเขียนจดหมายส่งถึงท่านผู้นั้นบ้าง"
" ท่านผู้นั้นก็คงปรารถนาที่จะได้รับสาส์นจากท่านเช่นกันขอรับ"
" งั้นก็รีบกันเถอะนะ" พระนางเสด็จออกจากที่ประทับ โดยมีสึกาสะและซายะตามเสด็จ
ในขณะที่เดินลงจากพระตำหนักเรือนผมสีดำของพระนางต้องแสงอาทิตย์เป็นมันวาว พระเนตรคมซึ้ง และริมฝีปากบางสีชมพูสด
จังหวะการเดินทุกย่างก้าวงดงาม นุ่มนวล ทรงเป็นกุลสตรีโดยแท้
...........
เมื่อเสด็จมาถึงพระตำหนักที่ประทับขององค์กษัตริย์นั้น ขุนนางน้อยใหญ่กำลังเคลิบเคลิ้มกับการบรรเลงดนตรีของสาวงามนับสิบ
การร่ายรำที่อ่อนช้อย งานเลี้ยงที่ครื้นเครงสนุกสนาน ดูเหมือนผู้คนจะเมามายกันกลางวันแสกๆ ร้องรำจนไม่ได้สติ
" ฝ่าบาทล่ะ" พระชายาตรัสถามนางสนองพระโอษฐ์ที่กำลังวุ่นกับการรินเหล้าให้ขุนนางขี้เมาทั้งหลาย
โดยปกติแล้วพระชายาควรจะต้องได้รับการรับรองอย่างดีจากขุนนาง แต่ว่าขณะนี้ .ป่วยการจะเจรจากับคนไร้สติ
" อยู่ในห้องบรรทมเพคะ"
" มีใครอยู่ด้วยไหม"
" ทรงเสวยน้ำจัณฑ์อยู่เพียงลำพังเพคะ"
" ดี"
" พระองค์ตรัสว่าต้องการเวลาส่วนพระองค์เพคะ "
" คิดว่าเราเป็นใครกันล่ะ หลีกไป " ไม่เพียงแต่จะไม่ทรงรับฟังเท่านั้น
ทันทีที่ทรงกล่าวจบพระชายาทรงเดินนำไปยังห้องบรรทมอย่างรวดเร็ว
นางกำนัลนั้นก็ได้แต่เพียงอ้ำอึ้งไม่อาจจะพูดอะไรโต้แย้งได้อีก
ทันทีที่ได้เห็นภาพนั้นดูเหมือนว่าจะนำความตกใจมาให้กับสึคาสะไม่น้อย
ภาพของกษัตริย์ผู้อาจหาญนั้นแทบจะนึกไม่ออกอีกต่อไปเสียแล้ว
เครื่องลายครามถ้วยน้ำจัณฑ์โบราณระเกะระกะเกลื่อนกลาดราวกับไร้ค่า รอยแตก บิ่น เศษกระเบื้องเคลือบ
เห็นแล้วก็ทำได้เพียงเบี่ยงสายตาหนีเท่านั้น กลิ่นน้ำเมาที่คละคลุ้งอบอวล ช่างไร้ความเหมาะสมอย่างยิ่งกับฐานะของผู้แพ้สงคราม
" ช่างเหมาะสมดีจริงนะ กษัตริย์แห่งเกไดกับ
.สมญานามใหม่ " คางุยะพูดขึ้นก่อน
เสียงของนางทำให้กษัตริย์ชินบุต้องเขวี้ยงถ้วยน้ำจัณฑ์ทิ้งทันทีด้วยอารมณ์โทสะ
พระพักตร์ที่แดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้าก็ยิ่งจะเข้มขึ้นอย่างชัดเจน
" เจ้าว่ายังไงนะ
คางุยะ! " ทรงตวาด
" ทราบด้วยรึเพคะว่าข้าจะพูดว่าอะไรต่อไป " นางถาม
"
" พระองค์ไม่ตอบ แต่ทรงก้มลงมองที่พระหัตถ์ซ้ายของพระองค์
" ใช้มือซ้ายได้แล้วสินะเพคะ "
" ไม่ใช่ธุระของเจ้า นังแม่มด !"
" คนที่ฝากแผลนั่นไว้ให้ป่านนี้คงจะมีความดีความชอบมากกระมัง คงลำบากมากนะเพคะเพราะ
ข้อนิ้วหัวแม่มือที่หายไปนั่น"
คางุยะหัวเราะขึ้นเบาๆพร้อมกับยิ้มน้อยๆที่มุมริมฝีปากงามนั่น
" นังแม่มด
เจ้าต้องการอะไร คงไม่ได้มาเพราะแค่ต้องการสมน้ำหน้าข้าหรอกนะ"
" พระสวามีประชวรด้วยโรคทางใจเช่นนี้ใครจะปล่อยทิ้งไว้ได้เล่าเพคะ เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นใช่มั้ย
สึคาสะ"
สึคาสะได้แต้ก้มหน้าโดยมิได้ปริปากแต่อย่างใด
" เจ้าใช่มั้ยที่แส่ไปบอก สึคาสะ " กษัตริย์ชินบุตวาดถาม
" ข้าเห็นพระองค์ประชวรเกรงว่า
."
" ไปตายซะ! ทีหลังอย่าพานังคนน่าขยะแขยงนี่มาอีก " กษัตริย์ชินบุตวาดซ้ำ
บรรยากาศเงียบลงทันที คางุยะเองก็หยุดไปเช่นกัน ไม่ใช่ด้วยความกลัว แต่เป็นเหตุผลอื่น
คราวนี้ทรงประทับลงกับพื้นห้องพลางหยิบจอกเหล้าที่ล้มกลิ้งอยู่ขึ้นตั้ง
" รินเหล้าสิซายะ ข้าจะดื่มให้กับชัยชนะของเรียวโฮ "
" เพคะ " ซายะตอบพร้อมกับรินเหล้าจากคนโทให้กับพระชายา กษัตริย์ชินบุยังไม่ได้ตอบว่ากระไร
" คำทำนายของข้าเป็นจริง ท้ายที่สุดท่านก็แพ้
. " นางว่าพลางดื่มเหล้าในจอกนั้น
" คำทำนายเหลวไหลของเจ้าไม่มีทางเป็นจริง ข้าจะแพ้ได้ยังไง ดูซะ ข้ายังหายใจอยู่
ยังมีชีวิตอยู่ "
" แต่ตอนนี้ท่านก็กลายเป็นคนพิการแล้วเพคะ ความประมาทช่างอันตรายจริงๆ น่าเสียดายที่
ประชาชนไม่ทราบเรื่องนี้
ว่ากษัตริย์ผู้อาจหาญของพวกเขาพ่ายให้กับน้ำใจของเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เจ้าชายทั้งสองของเรียวโฮ
คำทำนายนี่เพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น แค่จุดเริ่มต้นท่านก็ เละเทะซะแล้ว " คางุยะกล่าวซ้ำ
" การที่นิ้วข้าถูกตัดเป็นเรื่องบังเอิญ มีแต่เจ้าที่จะทำให้ทุกอย่างยุ่งยาก
คางุยะ"
" โทมนัสรึเพคะที่ถูกตัดนิ้ว ไม่กระมัง "
" ถ้าเจ้าเสียท่าแก่ศัตรู เจ้าจะต้องโมโห โกรธ "
" และกลายเป็นบุคคลสำมะเลเทเมา บัดนี้ราชสำนักก็ดูเหมือนจะตอบสนองความต้องการของท่านอย่างดีนี่เพคะ
ข้าทาสบริวารของเกไดภักดีถึงขนาดนั้น "
" ก็แค่ชั่วคราว " คราวนี้กลับเป็นกษัตริย์ที่เสียงเบาลง
" ในขณะที่โฮซึมะเรียกระดมพล เรียวโฮเร่งสร้างกำแพงเมือง และเมืองอื่นๆส่งสายลับเข้ามาในดินแดนเรางั้นรึ
น่าขันสิ้นดี "
" ต้องการจะพูดอะไรกันแน่ "
" ทรงคิดเองได้นี่เพคะ สวามีของข้าใช่ว่าจะเป็นรองกษัตริย์ไทฟุ "
" ข้าไม่ได้แค้นตาแก่นั่น " ทรงว่าพลางเหยียดลำแขนข้างซ้ายออกมาด้านหน้า
ฝ่าพระหัตถ์กางออกเผยให้เห็นนิ้วหัวแม่มือที่กุดสั้นอย่างชัดเจน ร่องรอยปากแผลเหวะหวะชวนให้เมินหน้าหนีเสียนี่กระไร "
คนที่ฝากแผลอัปลักษณ์ให้กับขุนศึกอย่างข้า มันจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตของมัน "
" คงมีแต่ท่านที่ทราบล่ะว่าในเป็นใคร อย่าลืมคำทำนายต่อไปล่ะเพคะ"
" ข้อต่อไปน่ะเป็นไปไม่ได้ "
" ตัวท่านเองเท่านั้นกระมังที่ตอบได้"
เย็นวันนั้นเกไดก็ได้เริ่มการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หมายเรียกเกณฑ์ทหารปลิวสะพัดไม่แพ้ธงรบที่ปลิวไสวที่ลานซ้อมรบ
เสียงประโคมดนตรีหายไป บ้านเมืองขณะนี้ได้ยินแต่เสียงของโลหะที่ดังกึกก้อง เสียงตีดาบ เสียงฟันดาบ ลับดาบ ลับมีด
ประสานสอดคล้องกับเสียงกลองรบที่ดังกระหึ่ม ผู้ชายทุกคนสวมเกราะเหล็กยืนเข้าแถวในสนามซ้อมรบ ผู้หญิงเร่งเก็บเกี่ยวเสบียง
หลอมเหล็ก ในขณะที่บางส่วนถูกเกณฑ์ไปจับอาวุธเช่นกัน เด็กและคนแก่ถูกนำไปใช้ในการผลิตเสบียง ตลอดจนงานรับใช้ทั่วไป
กล่าวได้ว่าเกไดขณะนี้อยู่ในสภาพของ " เมืองขุนศึก " โดยเฉพาะ
..........
" เจ้าเร่งเดินทางไปเรียวโฮ สึคาสะ" กษัตริย์ชินบุกล่าวกับทหารคนสนิทภายในห้องบรรทม
แน่นอนว่าเป็นเรื่องลับ
" ขอรับ "
" ลอบเข้าไปในวังหลวงของเรียวโฮ ข้าต้องการตัวเด็กนั่น "
" เด็ก
เจ้าชายทัตสึมะ! "
" ข้าต้องการมันเป็นๆ ให้มันได้ชดใช้สิ่งที่มันทำกับข้า "
"ทรงหมายถึงเรื่องการรั้งเมือง " สึคาสะถาม แต่กษัตริย์เหนือชีวิตกับกางฝ่ามือซ้ายที่พิการนั้นออกต่อหน้าเขา
"
เจ้าชายทัตสึมะคือ
."
" ถ้าข้าไม่ได้แก้แค้นมันด้วยมือข้างนี้ ข้าไม่มีวันเลิกลาแน่"
" แต่ข้ายังไม่เห็นความจำเป็นที่เราจะต้องลอบเข้าไปชิงตัวเจ้าชายทัตสึมะ
"
" ข้าจะได้หยามน้ำหน้าใครบางคนน่ะสิ "
" ทรงหมายถึง "
"ก็ใช่น่ะสิ คงจะแค้นจนแทบกระอักเลือดเชียวล่ะ ข้าจะใช้เด็กนั่นทำให้เรียวโฮยอมจำนน
"
" กษัตริย์ไทฟุคงไม่ยอมง่ายๆแน่ขอรับ "
" นั่นเป็นปัญหาภายใน ไม่เกี่ยวกับข้า เจ้าเพียงแต่ทำตามที่ข้าสั่งแล้วก็เลิกพูดมากเสียที
อย่าทำตัวเหมือนนางแม่มดที่แส่ไปซะทุกเรื่อง"
" พระชายาห่วงใยในตัวท่านจึงได้ตรัสเช่นนั้น "
" นางก็รังเกียจข้าเหมือนที่ข้าเกลียดนางนั่นล่ะ ไปได้แล้วคืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งหน้าข้าหวังว่าข้าจะพบเด็กนั่นที่ชายแดนเกไดนะ
"
" ขอรับ "
สึกาสะรับคำสั่ง ซึ่งแม้ตัวเองจะไม่เห็นด้วยนักแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เอาเสียเลย นายเหนือชีวิตผู้นี้มักจะต่อสู้อย่างตรงไปตรงมาเสมอ
คราวยึดครองเรียวโฮคราวที่แล้วก็ลงมือด้วยกำลังรบ คราวนี้ก็เตรียมกำลังรบอย่างออกนอกหน้า
และยังกำลังจะลักพาตัวเจ้าชายทัตสึมะอีก แน่นอนว่าเจ้าชายทาคาสึระกับกษัตริย์ไทฟุคงทราบดีว่าใครเป็นตัวการ
เท่ากับเป็นการประกาศสงครามกับโฮซึมะและ เรียวโฮ อย่างออกนอกหน้า .แล้วนี่
ตัวเขาจะต้องเป็นฉนวนของการสู้รบคราวนี้หรอกรึ ดูเหมือนแผนการจะก้าวไปอีกขั้นแล้ว
.................
๑ เดือน ๑ วัน หลังจากสงคราม เกได กับเรียวโฮ ( โฮซึมะ) จบลง แผนการลักพาตัวเจ้าชายทัตสึมะก็ถูกวางขึ้น
เกไดได้เริ่มการเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยการจับตาดูของบุคคลต่างๆทั่วแผ่นดิน จากจุดเล็กน้อย ขยายสู่องค์รวม
จากแผนการแก้แค้นที่เรียบง่าย ก็อาจนำไปสู่การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ได้เพียงแต่ว่าใคร จะเป็นผู้สูญเสีย
ไปต่อ