Site hosted by Angelfire.com: Build your free website today!
 

๑. กำเนิดแห่งชีวิต
๒. อุดมคติแห่งชีวิต
๓. ปณิธานแห่งชีวิต
๔. ผลงานแห่งชีวิต

พุทธทาสรำลึก
โดย อรศรี งามวิทยาพงศ์

ก่อนกำเนิดสวนโมกข์ (๒๔๔๙-๒๔๗๔)
ตามรอยพระอรหันต์ (๒๔๗๕-๒๔๘๔)
ประกาศธรรมทุกทิศ (๒๔๘๕-๒๕๐๔)
ประยุกต์ธรรมนำยุคสมัย (๒๕๐๕-๒๕๒๔)
ธรรมะเพื่อสังคมและโลก(๒๕๒๕-๒๕๓๔)
สวนโมกข์วันนี้
สวนโมกข์ในอนาคต

 

พุทธทาสจักไม่ตาย

พุทธทาส จักอยู่ไป ไม่มีตาย
แม้ร่างกายจะดับไปไม่ฟังเสียง
ร่างกายเป็น ร่างกายไป ไม่ลำเอียง
นั่นเป็นเพียงสิ่งเปลี่ยนไปในเวลา

พุทธทาส คงอยู่ไป ไม่มีตาย
ถึงดีร้ายก็จะอยู่คู่ศาสนา
สมกับมอบ กายใจ รับใช้มา
ตามบัญชาองค์พระพุทธไม่หยุดเลย

พุทธทาส ยังอยู่ไป ไม่มีตาย
อยู่รับใช้ เพื่อนมนุษย์ไม่หยุดเฉย
ด้วยธรรมโฆษณ์ตามที่วางไว้อย่างเคย
โอ้เพื่อนเอ๋ยมองเห็นไหมอะไรตายฯ

แม้ฉันตาย กายลับ ไปหมดแล้ว
แต่เสียงสั่ง ยังแจ้ว แว่วหูสหาย
ว่าเคยพลอดกันอย่างไรไม่เสื่อมคลาย
ก็เหมือนฉันไม่ตาย กายธรรมยัง

ทำกับฉัน อย่างกะฉัน นั้นไม่ตาย
ยังอยู่กับ ท่านทั้งหลายอย่างหนหลัง
มีอะไรมาเขี่ยไค้ ให้กันฟัง
เหมือนฉันนั่ง ร่วมด้วย ช่วยชี้แจง

ทำกับฉัน อย่างกะฉัน ไม่ตายเถิด
ย่อมจะเกิด ผลสนอง หลายแขนง
ทุกวันนัด สนทนา อย่าเลิกแล้ง
ทำให้แจ้ง ที่สุดได้ เลิกตายกันฯ

 

 

ตามรอยพระอรหันต์ 
(พ.ศ. ๒๔๗๕-๒๔๘๔)


ความมุ่งมั่นตั้งใจของพระลูกชายและคณะธรรมทาน นางเคลื่อน พานิช มารดาท่านอาจารย์พุทธทาสที่จะส่งเสริมการปฏิบัติธรรมในด้านวิปัสสนาธุระให้รุ่งเรือง ทำให้นางเคลื่อนผู้มารดา ได้ทำพินัยกรรม มอบเงินจำนวน ๖,๓๗๘ บาท ตั้งเป็นทุนต้นตระกูลพานิช เพื่อให้นำดอกผลมาใช้ในกิจการของสวนโมกข์และคณะธรรมทาน ซึ่งได้เปิด "ห้องธรรมทาน" ขึ้นใกล้ทางรถไฟ จัดให้มีการทำบุญเลี้ยงพระในวันอุโบสถ และนิมนต์ "พุทธทาสภิกขุ" มาแสดงพระธรรมเทศนา นอกจากนี้ท่านอาจารย์พุทธทาส ขณะแสดงธรรมเทศนา กองทุนดังกล่าวยังช่วยให้เกิดหนังสือพิมพ์ราย ๓ เดือน ชื่อ "พุทธสาสนา" ในเดือน พฤษภาคม ๒๔๗๖ ซึ่งถือเป็นสื่อสำคัญที่สุดที่ช่วยเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับทราบว่า บัดนี้ที่เมืองไชยา ซึ่งสมัยหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งเดิมของอาณาจักรศรีวิชัย อันรุ่งเรืองด้วยพุทธศาสนาในอดีต ได้เกิดคณะบุคคล ซึ่งประกอบด้วยพระและฆราวาส ที่พร้อมใจกันจะพิสูจน์ให้โลกสมัยใหม่ตระหนักว่า พระพุทธศาสนาคือปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งยวดของการดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ และแก่นแท้แห่งพระพุทธศาสนามิใช่พิธีกรรม ไสยศาสตร์ หรือการเรียนปริยัติธรรม เพื่อสอบเอาเปรียญธรรมสูงๆ หากแต่เป็นการศึกษาควบคู่ไปพร้อมๆ กับการปฏิบัติ และผู้ที่ปฏิบัติได้ถูกต้อง ก็จะสามารถก้าวไปสู่ทางแห่งพระนิพพานได้ตามลำดับอย่างแน่นอนด้วย

                   หนังสือพิมพ์ "พุทธสาสนา" ซึ่งตีพิมพ์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๖ จนถึงปัจจุบัน กว่า ๖๙ ปี

พระมหาเงื่อมได้เริ่มงานเผยแพร่ความคิดนี้ไปพร้อมๆ กับการศึกษาพระไตรปิฎก แล้วนำมาปฏิบัติทดลอง มีชีวิต ตามแบบสงฆ์ ในสมัยพุทธกาลด้วยตนเอง คือดำรงชีวิตอยู่ในสวนโมกข์อย่างสมถะ และใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด ศึกษาและทดลองฝึกกรรมฐาน และวัตรปฏิบัติต่างๆ อย่างเอาจริงเอาจัง แล้วจดบันทึกไว้เป็นข้อมูล เพื่อศึกษาว่าพระพุทธองค์ทรงสอนอะไร และให้ผลอย่างไร ในช่วงเข้าพรรษา จะเป็นช่วงเวลาของการฝึกฝนตนเองอย่างเข้มข้นพิเศษ โดยท่านได้จัดทำสมุดบันทึก "ปฏิบัติธรรมรายวัน แบบพุทธทาส" ขึ้น เพื่อศึกษาไตร่ตรองและทบทวนผลจากการทดลองปฏิบัติ จากบันทึกในช่วงเข้าพรรษาประจำปี ๒๔๗๗ แสดงให้เห็นว่า การศึกษาทดลองของท่านนั้น เป็นไปอย่างชนิดต้องอาศัยความทรหดและจิตใจอันเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง ดังเช่นเมื่อตั้งใจไว้ว่าจะต่อสู้กับกิเลสต่างๆ ที่มารบกวนล่อหลอกให้หลงตาม ท่านก็จะบังคับใจตนเองให้ทำตรงกันข้าม ดังที่มีบันทึกไว้ว่า "หากสับเพร่าทำยุงตาย หรือบอบช้ำไปหนึ่งตัว จะให้ยุงกัดคราวหนึ่งไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ ตัว และไม่ต่ำกว่า ๒๐ นาทีในป่ารก หรือ

ถ้าขี้เกียจ จะรบมันด้วยการนั่งให้สว่างคาที่

ถ้าหิว รบมันด้วยการกวาดลานให้มาก จนไม่หิว

ถ้าเพลียโหย จงเดินจงกรมอย่างแรง ๔-๕ ร้อยเที่ยว

ถ้าขลาดมาท่าไหน จะอยู่ในท่านั้นให้หนักขึ้น จนกว่าจะไม่ขลาด

ถ้ารักชอบ เทหรือทุบต่อยสิ่งนั้นทันที หรือเพ่งให้เห็นความเลวของมัน

ถ้าอร่อย จะเจือน้ำหรือทิ้งส่วนนั้นเสีย

ถ้าไม่อร่อย จงกินจนรู้สึกว่าเฉย หรืออร่อยโดยสันโดษ

ถ้าเพลินในอารมณ์ จนคิดจนเห็นอนัตตา มิฉะนั้นอย่าลุก"

ในบางช่วงแห่งการทดลองนี้ ท่านจะงดการพูดโดยเด็ดขาดเป็นเวลา ๓ เดือน หรือฉันแต่อาหารธรรมชาติตลอดพรรษา เช่น กล้วยน้ำว้า ข้าวโพด มะพร้าว แตง ฯลฯ และเคยแม้กระทั่งทำการทดลองแปลกๆ ในบางครั้ง ซึ่งทำให้ท่านได้พบข้อคิดใหม่ๆ เช่น เมื่อทดลองสละเลือดให้ยุงกินพร้อมกันคราวเดียว ๑๐๐ ตัวเศษ ในป่ารก ท่านได้บันทึกไว้ว่า ผลทางจิตใจคือ "ได้หลักในใจแปลกๆ ว่า ปีติเกิดได้ทุกอย่างในการเสียสละเพื่อสัตว์อื่นๆ"

การศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎก และการทดลองปฏิบัติอย่างแน่วแน่เช่นนี้ ได้ก่อให้เกิดปัญญาที่จะรู้แจ้งในพระธรรมคำสอนมากขึ้นๆ เป็นลำดับ กระทั่งแยกแยะได้ถูกว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนอะไรและหัวใจของคำสอนคืออะไร ฯลฯ แล้ววันหนึ่งแห่งการตามรอยพระอรหันต์ ท่านก็บันทึกการตัดสินใจอันสำคัญไว้ว่า

"รู้สึกว่าต่อไปจะเปลี่ยนเข็มมุ่งหมายในใจบางอย่าง ให้หมุนตรงเฉพาะต่อความสุขอย่างแท้จริง คือ ละวางทุกๆ อย่างแล้วมีใจสดชื่นเย็นฉ่ำยิ่งขึ้นเสมอ จะประกาศแต่ความสุขนี้เท่านั้น จะไม่ยอมให้อะไรครอบงำใจได้อีกต่อไป ชีวิตของข้าพเจ้าสละทุกอย่างๆ มุ่งหมายต่อความสุขนี้ และประกาศเผยแผ่ความสุขนี้เท่านั้น ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้ในบรรดามีอยู่ในพุทธศาสนา"

เวลา ๑๕.๐๐ น. ถึงที่สุดแห่งความตกลงใจ (บันทึกเมื่อ ๒๐ กันยายน ๒๔๗๗)

ความคิดและผลอันเกิดจากการศึกษาทดลองของพระมหาเงื่อมนี้ ได้รับการเผยแผ่ผ่านทางหนังสือพิมพ์ "พุทธสาสนา" อยู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้คนจำนวนไม่น้อย เริ่มสนใจกับหลักธรรมต่างๆ ซึ่งไม่เคยมีใครพูดมาก่อน และปรารถนาที่จะให้ความสนับสนุน ก่อนเข้าพรรษาปี ๒๔๗๗ พระดุลยพากย์สุวมัณฑ์ ได้นิมนต์ "พระพุทธทาส ภิกขุ" เดินทางไปแสดงธรรม ณ นครศรีธรรมราช ในโอกาสเปิดสวนปันตาราม ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามแนวของสวนโมกข์ และในปี ๒๔๘๐ เหตุการณ์ซึ่งคณะผู้ก่อตั้งสวนโมกข์ไม่ได้คาดฝันก็บังเกิดขึ้น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) วัดเทพศิรินทร์ องค์ประธานกรรมการ มหาเถรสมาคม เดินทางมาเยี่ยมและพักแรมที่สวนโมกข์ ๑ คืน แล้วในปีถัดมา พระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์ (วงศ์ ลัดพลี) พระยาภรตราชสุพิช นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เดินทางมาเยี่ยมสวนโมกข์ บุคคลชั้นนำทั้งบรรพชิตและฆราวาสเหล่านี้ ได้เป็นกัลยาณมิตรที่สำคัญยิ่งของสวนโมกข์ในเวลาต่อมา ช่วยส่งเสริมให้กิจการเพื่อการตามรอยพระอรหันต์แผ่ขยายจากสำนักปฏิบัติธรรมเล็กๆ ในหัวเมือง ไปสู่สาธารณชนทุกทิศทุกทางในเวลาต่อมา ....

 
ก่อนกำเนิดสวนโมกข์ (พ.ศ. ๒๔๔๙-๒๔๗๔)  ประกาศธรรมทุกทิศ (พ.ศ. ๒๔๘๕-๒๕๐๔)
บทความ  โดย อรศรี งามวิทยาพงศ์ จากหนังสืออนุทินภาพ ๖๐ ปี สวนโมกข์ : พฤษภาคม ๒๕๓๕ 
ลงตีพิมพ์ใหม่ในหนังสือ  พุทธสาสนา ปีที่ ๖๘ เล่ม ๒ พุทธศักราช ๒๕๔๓