2. อาการซุกซนไม่อยู่นิ่งควบคุมตัวเองได้ไม่ดี
จะมีลักษณะต่อไปนี้
2.1 ยุกยิกขยับตัวหรือมือหรือขาไปมา กระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุข
2.2 นั่งอยู่กับที่ ไม่ได้นาน จะต้องลุกเดินไปมาอยู่เรื่อยๆ
2.3 วิ่ง ปีนป่ายรุนแรง ทำให้เสื่ยงต่ออันตราย
2.4 เล่นหรือทำกิจกรรมเงียบๆ ไม่ค่อยได้
2.5 ทำอะไรรวดเร็ว ยั้งไม่ค่อยอยู่ รอคอยไม่เป็น
2.6 พูดมาก
2.7 พูดโพล่งออกไปก่อนคนจะถามเสร็จหรือชอบพูดทะลุกลางปล้อง
2.8 ยั้งตัวเองไม่ค่อยอยู่
2.9 ชอบขัดจังหวะผู้อื่น ขณะที่คนนั้นกำลังพูดหรือเล่นอยู่
โดยที่อาการดังกล่าวเกิดชึ้นก่อนอายุ 7 ปี และอาการเหล่านี้ปรากฎให้เห็นในชีวิตประจำวัน 2 สถานที่หรือมากกว่าเช่นที่บ้าน ที่โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ทำงาน ฯลฯ เห็นผลกระทบของอาการต่อการเข้าสังคม การเรียนหรือการทำงานโดยมิเกิดจากอาการทางจิตใจ หรือเป็นโรคที่มีพัฒนาการผิดปกติ
สาเหตุ
1. พันธุกรรม
2. อาการบกพร่องในการทำงานของระบบประสาท ซึ่งอาจเกิดจากอุบัติเหตุ สารพิษ การพัฒนาการล่าช้า เป็นต้น โดยอาจพบว่ามีระดับสารเคมีในสมองผิดปกติ ส่งผลทำให้ระบบการควบคุมความตั้งใจและ/หรือการเคลื่อนไหว ทำงานได้น้อยกว่าปกติ
ผลกระทบ
1. การเรียนรู้ ตามที่เด็กที่ความสนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ไม่นาน พูดมาก อยู่ไม่นิ่ง นั่งไม่ติดที่ จะทำให้เด็กมีการรับรู้ต่ำกว่าเพื่อนๆ ทำงานไม่เสร็จ และบางครั้งยังก่อกวนความสงบสุขภายในชั้นเรียนอีกด้วย
2. พฤติกรรมเบี่ยงเบน พบได้ตั้งแต่พฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง ทำอะไรรุนแรง ข้างของเสียหาย ก้าวร้าว เพื่อนไม่ชอบเล่นด้วย ขาดทักษะต่างๆ เนื่องจากอดทนเล่นฝึกไม่ได้นาน และก่อกวนเด็กอื่น พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กสมาธิสั้น มีความสัมพันธ์กับการยอมรับการดำเนินโรคของพ่อแม่และคุณครูเป็นอย่างยิ่ง
3. มีภาพพจน์ต่อตัวเองไม่ดี เนื่องจากว่าเด็กมีโอกาสทำผิดพลาดได้บ่อยกว่าเด็กอื่น และพบกับความล้มเหลวในการเรียน การเข้าสังคม การกีฬา ดนตรี ฯลฯ ผู้ใหญ่รอบข้างไม่ชอบ คุณครูไม่รัก เนื่องจากเรียนไม่เก่ง แถมทำตัวก่อให้เกิดปัญหาอีกด้วย
4. การเข้าสังคมเบี่ยงเบน เนื่องจากเด็กขาดทักษะในการเล่น การกีฬา ฯลฯ ร่วมกับเด็กที่มีความยับยั้งตัวเอง ในขีดจำกัด พูดมากทำข้าวของเสียหายจึงส่งผลทำให้พี่น้อง เพื่อน คุณครู พ่อแม่ เกิดความรู้สึกไม่พอใจได้ง่าย
การรักษา
การให้ความช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้น ต้องประกอบด้วยความร่วมมือประสานงานกันระหว่างพ่อแม่ คุณครู และแพทย์ โดยเน้นน้ำหนักการรักษาที่ 4 หัวข้อต่อไปนี้เท่าๆ กัน
1. Counselling อธิบายให้พ่อแม่เข้าใจเด็ก และให้เข้าใจการดำเนินโรคเพื่อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และเทคนิคการเลี้ยงดูให้สอดคล้องกับโรคและเด็ก
2. การปรับพฤติกรรม โดยเฉพาะพฤติกรรม ที่มาขัดขวางการเรียนรู้ เช่นการนั่งไม่ติดเก้าอี้ การไม่ทำตามคำสั่ง เป็นต้น
3. การใช้ยาเพื่อเพิ่มสมาธิ อยู่ในกลุ่ม methyl phenidate ซึ่งจะออกฤทธิ์เพียง 4 ชั่วโมง มีอาการข้างเดียว โดยเด็กจะมีอาการซึมประกอบกับเบื่ออาหารได้
4. การเรียนการสอนที่มีเทคนิคเฉพาะสำหรับเด็กสมาธิสั้น
เทคนิคการสอนเด็กสมาธิสั้น
เป็นความยากลำบากของครูที่จะต้องสอนเด็กที่มีสมาธิสั้น ไม่ยอมอยู่นิ่ง ดังนั้นการที่การเรียนการสอนจะเป็นไปด้วยดี จะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างครู พ่อแม่ และแพทย์ช่วยกัน แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่การเรียนในห้อง ข้อความต่อไปนี้คัดมาจากคำแนะนำที่ได้มาจากสมาคมครูและศึกษาพิเศษของประเทศสหรัฐอเมริกา แบ่งออกเป็น 5 รายการ คือ
ข้อแนะนำสำหรับสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน
4. ข้อแนะนำสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการช่วยให้เด็กมองตัวเองในแง่ดี
4.1 รักษากฎของห้องและคอยตรวจตราดูแล
-ท่าทีที่ใช้ต้องสงบ อย่าชวนทะเลาะหรือตวาดใส่เด็ก
-มีการเตือนถึงผลที่จะตามมาหลังพฤติกรรมที่ไม่ดี
-ถ้าต้องทำโทษ ทำทันทีและตรวจดูพฤติกรรมที่ดีและชื่นชมบ่อย ๆ
-กฎภายในห้องเรียนไม่ควรมีมาก ปฏิบัติตามได้ชัดและสม่ำเสมอ
-การลงโทษต้องอยู่ในเกณฑ์ที่พอเหมาะ ไม่ประจานความคิด
-หลีกเลี่ยงการวิจารณ์ เยาะเย้ย ถากถาง เนื่องจากเด็กสมาธิสั้น จะมีความลำบากที่จะอยู่ในกฎเกณฑ์
4.2 สนับสนุนและส่งเสริม
-รางวัลควรมากกว่าการลงโทษ เพื่อส่งเสริมความรู้สึกที่ดีของตัวเด็ก
-รางวัลควรได้รับโดยไม่ช้า หลังจากที่เด็กมีพฤติกรรมที่ดี
-ถ้ารางวัลไม่ได้ผล อาจเปลี่ยนลักษณะของรางวัล เพื่อเพิ่มแรงจูงใจ
-หาทางหลาย ๆ ทาง ที่จะกระตุ้นให้เด็กสนใจ
-กระตุ้นให้เด็กมองตัวเองในแง่ที่ดี และชื่นชมตัวเอง เช่น วันนี้นั่งอยู่กับที่ได้นานขึ้น ดีจริงๆ และถามว่าเด็กรู้สึกอย่างไร
5. ข้อแนะนำอื่นๆ สำหรับเด็กบางคน