Best 10 Albums Classic
Rock
เกริ่นนำนิดนึงก่อนนะครับ
ผมอ่านหนังสือ Overdrive แล้วไปเจอบทความที่น่าสนใจ น่าเอามาแบ่งกันอ่านกันดูครับ
ว่าแล้วก็เอาซะเลย แต่มันเยอะหน่อย แล้วผมก็ต้องนั่งพิมพ์ใหม่เองทั้งหมด
แล้วก็ไปหารูปมาเอง
ก็คงทะยอยเอามาเรื่อยๆ จนครบครับ อาจจะใช้เวลาหลายวันหน่อย แต่ผมว่าก็คงคุ้มดีทีเดียวครับ
ขอบคุณคุณกึ่งยิงกึ่งผ่านสำหรับข้อมูลครับ
----------------------------
ที่มา หนังสือ Overdrive เล่ม 59 จาก Guitar World แปลโดย มด
1.
The Beatles : Revolver : 1966
แบบแผนของคลาสสิคร็อคเริ่มต้นที่สี่หนุ่มเต่าทอง
ดนตรีของพวกเขาทำให้เกิดความคิดที่ว่า
Rock & Roll สามารถเป็นดนตรีที่ลึกซึ้งและอยู่เหนือกาลเวลา
ระหว่างกลางยุค
60 Beatles ได้เริ่มทำอัลบั้มที่อยู่นอกเหนือความคิดของผู้คนในช่วงเวลานั้น
ที่ว่าอัลบั้ม LP ควรบรรจุเพลงฮิตสองสามเพลง แล้วใส่ๆ พวกเพลงที่ไม่โดดเด่นเพลงอื่นๆ
ลงไปให้เต็มอัลบั้ม เมื่อได้มาอยู่ในมือของสี่เต่าทอง อัลบั้มร็อคได้กลายลักษณะมาเป็น
การเดินทางของดนตรีที่ซึ่งแต่ละเพลงคล้ายถูกทำให้สอดคล้องกันและกัน โดยเกิดจากพัฒนาการ
ที่ต่อเนื่อง ทำให้มีสไตล์ที่หลากหลายตลอดทั้งอัลบั้ม
Revolver
คือเครื่องหมายของการปฎิวัติสำหรับอัลบั้มคลาสสิคร็อค เช่นเดียวกับสัญลักษณ์การค้า
ที่มองข้ามไปไม่ได้อีกอย่าง ก็คืออุปกรณ์ของ Rickenbacker/ Vox ซึ่งใช้โดย
Harrison, Lennon และ McCartney ที่ทำให้ซาวด์ที่ได้จากอุปกรณ์เหล่านี้
กลายมาเป็นซาด์เอกลักษณ์ของพวกเขา พวกเขายังได้ใช้วิทยาการใหม่ๆ ของช่วงนั้น
อย่างการเรียบเรียงกลุ่มเครื่องสายประเภทไวโอลินของแถบตะวันตก ใช้ซีตาร์ของอินเดีย
หรือการอัดเพลงกลับหลัง มาใช้ในการทำงานของพวกเขาอีกด้วย
หากปราศจากอัลบั้ม
Revolver ผลงานคลสสิคชิ้นต่อๆ มาของ Beatles อย่าง
Sgt. Peper's, White Album และ Abbey Road ก็คงจะนึกภาพไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร
2. The Rolling Stones : Exile on Main Street : 1972
เป็นอัลบั้มอันดับที่สองของวงหินกลิ้ง
ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และหลายคนก็รู้สึกว่า
มันเป็นอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเขา ประกอบด้วยพ่อมด rythm กีต้าร์
Keith Richard
พร้อมด้วย Mick Taylor กับบรรดาท่อน riff สำเนียงบลูส์อังกฤษที่เหนือชั้นของเขา
อัลบั้มบรรจุสองแผ่นชุดนี้ได้ทำการบันทึกที่ห้องใต้ถุนบ้านพักหรรษาในฝรั่งเศส
ท่ามกลางการทำงานที่ถูกกระตุ้นด้วยอาการเมายา ผลที่ได้คือหลายๆ แทร็คจาก
Exile อย่าง
"Happy", "Rock Off", "Tumbling Dice" และ
"Sweet Black Angel"
เป็นผลงานที่ทำได้ต่ำกว่ามาตราฐานอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็นับว่าผลงานชิ้นนี้
บ่งบอกถึงความเป็นหินกลิ้ง
ได้เป็นอย่างดี และสามารถเทียบชั้นได้กับผลงานคลาสสิคชิ้นอื่นๆ ของพวกเขา
อย่าง
Beggers Banquet, Let it Bleed และ Sticky Fingers ได้อีกด้วย
3.
The Who : Who's Next : 1971
เป็นวงที่ทำดนตรีป๊อบได้ทรงพลัง
และร็อคได้อย่างยิ่งใหญ่ The Who ได้ประดับวงการร็อคด้วยการ
เดินหน้าทำสตูดิโออัลบั้มอันดับที่ 5 ของพวกเขา
เก้าเพลงในอัลบั้ม
Who's Next คือสิ่งที่กอบกู้มาจากความทะเยอทะยานในการทำ Lifehouse
โปรเจ็คของ Pete Townshend ซึ่งเป็นการเสนอสื่อในหลายรูปแบบที่จะช่วยให้เห็นโลกของเขา
ในฐานะผู้ริเริ่มการใช้กองทัพตู้ Marshall การฟาดกีต้าร์ทำลายข้าวของ และการทำ
Feed Back
ที่โกลาหล แต่โปรเจ็คที่ว่า ก็ทำไม่สำเร็จจนทุกวันนี้
Townshend
เพียงถูกมองว่าเป็นคนที่เริ่มจากร็อคกีต้าร์ แล้วลงท้ายด้วยอคูสติก
โดยเพลงเด่นในอัลบั้มประกอบไปด้วย "Bargain" กับ "Song
is Over" หรือการใช้วิทยาการจังหวะแบบ
Synth ใน "Baba O'Riley" และต้นแบบการร้องแหกปากใน "Won't
Get Fooled Again"
4.
The Doors : The Doors : 1967
พวกเขาไม่มีมือเบส
คนร้องนำเป็นนักกวี และมือกีต้าร์ไม่ใชปิ๊กในการเล่น
แต่อย่างไรก็ตาม The Doors ก็เป็นหนึ่งในวงร็อคที่ยอดเยี่ยมตลอดกาลตราบเท่าที่มีมา
อัลบั้มเปิดตัวของพวกเขาประกอบไปด้วยสมาชิกอย่าง
Jim Morrison ที่สมมุติตัวเอง
ถูกเข้าทรงด้วยการสะกดจากท่วงทำนองดนตรีที่หลากหลายที่ขับกล่อมมาจากกีต้าร์และออร์แกน
มือกีต้าร์ของวง Robby Krieger ซึ่งรู้จักกันว่ามีสไตล์เป็นของตัวเองมากที่สุดคนหนึ่งในยุค
60
ได้รับเอาอิทธิพลดนตรีของยุคฮิปปี้ที่คุ้นเคยอย่าง blues และ raga ของอินเดีย
เข้ามาเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเขาเอง ขณะที่ได้เอาลักษณะทางดนตรีอย่าง Flamenco
กับ Latin Jazz
เข้ามาสร้างความซับซ้อนให้กับดนตรีร็อคอีกด้วย
5.
The Jimi Hendrix Experience : Electric Ladyland : 1968
อัลบั้มสตูดิโออันดับที่
3 ของ Hendrix กับอัลบั้ม Experience เป็นผลงานชิ้นเอกของเขา
Ladyland เป็นอัลบั้มแผ่นคู่ที่ครอบคลุมเนื้อหามากพอที่จะสะท้อนให้เห็นจินตนาการอันน่าทึ่ง
ของมือกีต้าร์คนนี้ในหลายๆ ด้าน
ในอัลบั้มประกอบไปด้วยชิ้นงานที่มีความหวานจับใจ
มีความเป็นป๊อบที่ฟังติดหูง่าย
มีองค์ประกอบเพลงที่เต็มไปด้วยความหนักแบบดนตรีร็อค อีกทั้งการเล่นที่เหนือชั้นในแบบที่คาดไม่ถึง
แต่แฝงไว้ด้วยความละเอียดอ่อนในอีกแง่มุมหนึ่ง
6.
Pink Floyd : Dark Sid of The Moon : 1973
ผลงานระดับคลาสสิคของ
Floyd ที่ทบทวนถึงบทบาทของการเวลา เงินตรา และสงคราม
นับว่าเป็นอัลบั้มที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของพวกเขา
ในอัลบั้มมีการใช้องค์ประกอบอย่างซาวด์เลเซอร์ที่นับไม่ทัน
เสียงการสนทนาในหัวข้อที่หาที่ยุติไม่ได้
ซึ่งนำมาใช้ในงานของพวกเขาได้อย่างลงตัว
ทัศนะเกี่ยวกับชีวิตในแง่ลบของ
Roger Waters ในผลงานชุดนี้ เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบกับสำเนียง
ที่ฟังคล้ายให้ความหวังของ David Gilmour และบรรยากาศล่องลอยตามแบบฉบับของวง
ที่ทำได้อย่างลงตัวสำหรับงานชุดนี้
7.
Led Zeppelin : Led Zeppelin IV : 1971
เป็นอัลบั้มที่มีเพลง Stairway to heaven อยู่ด้วย แล้วจะต้องพูดอะไรอีกไหมเนี่ย?
ขณะที่หลายคนยกย่องให้
Stairway เป็นเพลงที่มีท่อนโซโล่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาของวงการร็อค
อีกหลายๆ คนก็ทึ่งไปกับพรสววรค์ของ Jimmy Page ในการเรียบเรียงแนวประสานของกีต้าร์
ที่ไม่ใช่เฉพาะเพลงนี้เท่านั้น แต่ยอดเยี่ยมตลอดทั้งอัลบั้ม ลักษณะจำเพาะของสไตล์ดนตรีในผลงานชุดนี้
รวบรวมความหลากหลายไว้จากดนตรี folk จนถึง prog ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผลงานของ
Zep
ชุดนี้เป็นสมาชิกเข้าทำเนียบผลงานระดับคลาสสคิประดับวงการร็อคเอาไว้
8.
Deep Purple : Machine Head : 1972
เป็นอัลบั้มสุดยอดที่บรรจุท่อน
riff ชวนโยกหัวอย่าง Smoke on the Water ซึ่งเป็นเพลงในอัลบั้ม
ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ภัยพิบัติจากเพลงไหม้ที่ทางวงประสบ แต่
DP ก็ฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆ
มาสร้างผลงานระดับคลาสสิคที่เป็นอัลบั้มชิ้นสำคัญของวงการ hard rock
ในอัลบั้มแสดงให้เห็นความเชี่ยวชาญในการเล่นกีต้าร์ของ
Blackmore ในสำเนียงคีย์ minor ที่ต่อเนื่อง
ซึ่งเผยให้เห็นลักษณะทางดนตรี classical ที่เขานำมาใช้อย่างโดดเด่น และเห็นได้ชัดจาก
Highway Star
กับ Lazy
9.
Aerosmith : Toys in the Attic : 1975
เป็นวงจากอเมริกาที่มีท่อน
riff ยอดเยี่ยมมากมาย และเป็นอัลบั้มสตูดิโออันดับที่สามของพวกเขา
ที่มีความเห็น heavy metal ผสมกับลีลาลวดลายต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มือกีต้าร์
Joe Perry กับ Brad Whitford ได้ทำผลงานอย่าง Walk This Way กับ Sweet
Emotion
ได้อย่างลงตัว ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับวงมาจนถึงทุกวันนี้ และยังประกอบไปด้วยนักร้องนำปากกว้าง
Steven Tyler กับท่อน lick ที่ติดหูของ Perry ที่ทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในคู่หู
Duo
ที่สะเทือนวงการร็อคมากที่สุดคู่หนึ่ง
10.
Van Halen : Van Halen : 1978
Metal
กีต้าร์จะไม่เหมือนเดิมอีกครั้งหลังจากที่อัลบั้มเปิดตัวระดับสุดยอดจาก
Sunset Strip
ได้ออกมาสร้างกระแสความฮือฮาให้กับวงการ hard rock
เทคนิคการเล่นเฉพาะตัวที่พิศดารของ
Edward Van Halen บวกกับความบ้าของ David Lee Roth
สามารถเขย่าวงการเพลงของช่วงนั้นได้ชนิดที่ปฎิวัติเทคนิคการเล่นกีต้าร์ไปเลย
นับว่าเป็นอัลบั้มยอดเยี่ยมที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้หลายผู้หลายคนจนถึงทุกวันนี้
The
Look
Then :ผมกระเซิงหรือไว้ผมยาวเป็นหยิกเป็นลอน
Now : ผมหงอก กระเป๋าหนัก (เงิน)
Timeless : กางเกงขายาว เสื้อเชิ้ต ช้อนตักโคเคน
สร้อยคอ และเครื่องประดับที่แฟนเพลงสาวผู้คลั่งไคล้คุณทำให้
Inspirational
Verse
"Pick up my guitar and play, just like yesterday"
- "Won't get fooled again," -
The Who
Tools
of the trade
Guitar : Vintage Les Paul, Strats, etc.
Amps : Marshal Plexis
Effect : Echoplex, Cry Baby wah, analog phaser,
flanger, fuzz and delay
กึ่งยิงกึ่งผ่าน
HOME
|