บทที่ 8
การศึกษาแบบเฝ้าเดี่ยว
วัตถุประสงค์การศึกษาแบบเฝ้าเดี่ยว
คือเราจะได้ใกล้ชิดพระเจ้า
เพื่อเข้าสู่ส่วนลึกของความจริงฝ่ายวิญญาณจิต
พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้นำพา
ซึ่งมารก็ไม่ชอบให้เป็นเช่นนั้น
เพราะมันไม่ต้องการให้มนุษย์เดินใกล้ชิดกับพระเจ้า
เมื่อได้ประยุกต์พระคำของพระเจ้าในชีวิตท่านแล้ว
มารจะมาต่อสู้กับท่าน
มันต้องการให้ท่านท้อแท้ใจ
มันต้องการให้ท่านสงสัยพระเจ้า
มันต้องการให้เกิดความขัดแย้งในฝ่ายวิญญาณจิต
พระเยซูได้สำแดงให้ทราบว่าเราจะจัดการกับความขัดแย้งในฝ่ายวิญญาณจิตได้อย่างไร
เมื่อซาตานมาทดลองพระองค์ที่ถิ่นทุรกันดาร
(มัทธิว 4:1-11)
พระคริสต์ต่อสู้กับมัน
พระองค์ทรงใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก
พระองค์ทรงอ้างพระวจนะของพระเจ้า
มารจึงต้องถอยออกไป
เพราะพระคำของพระเจ้าเป็นความจริง
และเป็นชีวิต
ในเอเฟซัส 6:17
พระคำนั้นถูกเรียกว่า
“พระแสงแห่งพระวิญญาณที่ทรงประทานแก่ท่านด้วยพระคำนั้น
“ท่านจึงจะยืนหยัดต่อสู้กับมารร้าย
….และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้”
(6:11,13)
พระคำของพระเจ้าทรงชำระเราให้สะอาด
ทรงรักษาโรค
และนำชัยชนะมาให้
หากเราได้ซ่อนพระคำในหัวใจ
ในบทเรียนนี้ท่านจะได้เรียนเกี่ยวกับ
คุณค่าของการเฝ้าเดี่ยว
แนวทางของการเฝ้าเดี่ยว
แนวประยุกต์ของการเฝ้าเดี่ยว
ในบทเรียนนี้จะช่วยให้ท่านในการ
อธิบายคุณค่าของการเฝ้าเดี่ยว
ขี้แนะแนวทางในการเฝ้าเดี่ยว
อธิบายถึงวิธีการที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตของเรา
คุณค่าของการเฝ้าเดี่ยว
วัตถุประสงค์
:
เพื่อให้ทราบความจริงเกี่ยวกับการเฝ้าเดี่ยว
ท่านคงได้เรียนจากพระคัมภีร์ในการใช้ทักษะต่าง
ๆ แล้ว
แต่ในการที่เข้าใจพระคำอย่างถ่องแท้นั้น
จำเป็นต้องศึกษาพระคัมภีร์แบบทุ่มเท
ซึ่งจะช่วยท่านให้ได้รับความรู้จากพระคำ
เพื่อวิญญาณจิตที่เข้มแข็งขึ้น
คำว่า DEVOTION
แปลว่า
ความรักอันเข้มแข็งและการเข้าร่วม
หรือแปลได้อีกว่า
“การลงมืออธิษฐาน
ซึ่งผู้นั้นจะทูลขอด้วยใจถ่อม
และ
แสวงหาพระเจ้า
จึงเป็นการที่จะแสดงออกอย่างตั้งใจจริงของนักศึกษาผู้นั้น
การอยู่ในพระคริสต์
และให้พระคริสต์อยู่ในเราเป็นเป้าหมายของคริสเตียน
พระเยซูตรัสว่า
“ ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา
และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว
ท่านจะขอสิ่งใด
ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น
พระบิดาทรงรักเราฉันใด
เราก็จะรักท่านทั้งหลายฉันนั้น
จงยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา
ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของเรา
ท่านก็จะยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา
เหมือนดังที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดา
และยึดมั่นอยู่ในความรักของพระองค์
นี่คือสิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว
เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน
และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม”
(ยอห์น 15:7-11)
การศึกษาอย่างทุ่มเทในการเฝ้าเดี่ยวนั้น
สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างพระคริสต์กับผู้เชื่อ
ในการเฝ้าเดี่ยวนั้น
เราอ่านข้อความสั้น
ๆ
ของพระวจนะ
อ่านอย่างช้า
ๆ
สักสองสามครั้ง
แล้วอธิษฐานเพื่อที่จะทราบถึงความหมายที่แท้จริงของพระคำนั้น
ๆให้เราถามตัวเราเองว่า
พระคำตอนนี้ตรัสอะไรกับชีวิตของเรา
มีอะไรที่เป็นการตอบคำอธิษฐานเราหรือไม่
ข้อความนั้นสำแดงพระเยซูกับเราหรือไม่
“การภาวนา”
นั้นก็คือ “ความต้องการให้เป็นเช่นนั้น”
เราอ่านข้อความเดียวกันจนกว่าความคิดของเราได้รับการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าดังนั้นแหละพระคำจึงจะเข้าในสู่เราและเลี้ยงดูเรา
พระคำที่เขียนออกมานั้นจะสำแดงพระคริสต์แก่เรา
เพราะพระองค์เป็นพระวจนะแห่งชีวิต
เมื่อเราได้ทราบข้อความที่เขียนออกมานั้นมากเท่าไหร่
เราก็จะทราบความจริงแห่งการดำเนินชีวิตมากขึ้นเท่านั้นเอง
เมื่อเรารู้จักกับพระคริสต์มากขึ้น
เราก็จะรักพระองค์และเชื่อฟังพระองค์มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ดาวิดรำพึงภาวนาพระคำของพระเจ้า
ท่านตรัสว่า
“ปากของข้าพเจ้าจะเผยปัญญา
การภาวนาของจิตใจข้าพเจ้าคือความเข้าใจ”
(สดุดี 49:3)
เมื่อเราอยู่ในพระคริสต์
(1 โครินธ์ 2:15-16)
การภาวนาของเราจะสร้างความคิดใหม่แก่เรา
แนวทางการเฝ้าเดี่ยว
วัตถุประสงค์
:
ช่วยเราทราบแนวทางในการเฝ้าเดี่ยว
ดาวิดอธิษฐานว่า
“ขอเบิกตาข้าพระองค์
เพื่อข้าพระองค์จะเห็นสิ่งมหัศจรรย์จากพระธรรมของพระองค์”
(สดุดี 119:18)
เราต้องอธิษฐานในระหว่างการศึกษาพระคำว่าให้ข้อความของพระคำของพระเจ้านั้น
เป็นเรื่องตรงไปตรงมา
ส่วนตัวและประยุกต์ใช้ได้
ในทุกข้อความของพระคำมีความเป็นจริงเป็นสำคัญ
บ่อยครั้งก็อาจจะมีบางตอนที่ดูเหมือนกับความจริงน้อยลงไปบ้าง
เป็นเรื่องที่จะแสวงหาวิธีการต่าง
ๆ
ภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณที่จะช่วยเรา
ให้เราใช้วิธีการ
5
ประการเหล่านี้ที่จะช่วยเรา
วิธีการ 5
ประการที่พึงกระทำ
- อ่าน
การศึกษาพระคัมภีร์เริ่มต้นด้วยการอ่าน
ใน 1 ทิโมธี 4:13
เปาโลกล่าวว่า
“จงใส่ใจในการอ่านพระคัมภีร์ในที่ประชุม
ในการเทศนา
และในการสั่งสอนจนกว่าเราจะมา”
เราจะต้องหล่อเลี้ยงชีวิตด้วยพระวจนะของพระเจ้าเป็นประจำทุกวัน
เพื่อสุขอนามัยฝ่ายวิญญาณจิต
“เขาภาวนาพระคำของพระคำของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน”
(สดุดี 1:2)
ในยุคของพระคัมภีร์เวลานั้น
กลุ่มคริสเตียนที่อยู่ในเบโรอา
มีชื่อเสียงในเรื่องการศึกษาพระวจนะ
(กิจการ 17:10-11)
เขาไม่ได้เป็นเพียงแต่ผู้ฟังเท่านั้น
แต่เสาะแสวงหาพระคำเป็นประจำ
เราควรที่จะเกิดผลในศึกษาพระคำเช่นเดียวกับพี่น้องเหล่านี้
- บันทึก
นักศึกษาที่ตั้งใจจะบันทึกสิ่งที่เขาได้อ่านพระวจนะและ
ศึกษาพระคัมภีร์
ปากกาจะเป็นเครื่องมือนำสายตา
และช่วยนำความคิด
ให้ “เห็น”
ความจริงฝ่ายวิญญาณจิตตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสำแดงให้เกินความเข้าใจ
- เสาะแสวงหา
ความจริงจากพระคำนั้นกระจ่างและง่าย
ๆ
ในขณะเดียวกันก็มีความหมายลึกซึ้ง
ความหมายอันลึกซึ้งของพระคัมภีร์นั้นเปรียบได้กับ
“เงิน” และ “ทรัพย์”
สมบัติที่ซ่อนเร้นอยู่
สำหรับคนเหล่านั้นที่เสาะแสวงหาในการศึกษา
(สุภาษิต 2:4)
- การเชื่อมโยง
การที่จะตีความหมายของข้อความนั้น
เราจำต้องเชื่อมโยงเข้ากับท้องเรื่องนั้น
ๆ
เราจะต้องอ่านคำสอนที่เชื่อมโยงกับเรื่องนั้น
ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยให้พระคำของพระเจ้าสอดคล้องกันหมดทั้งเล่ม
- รำพึงภาวนา
เราจะต้องรำพึงภาวนาพระคำของพระเจ้า
“กระทำหูของเจ้าให้พึ่งเพื่อรับปัญญาและเอียงใจของเจ้า
หาความเข้าใจ”
(สุภาษิต 2:2)
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำข้อความบางตอนเข้ามาในหัวใจของเรา
หากเราใช้เวลาในการคิดสิ่งที่ได้อ่านไปแล้ว
“แหม
ข้าพระองค์รักพระธรรมของพระองค์จริง
ๆ
เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์วันยังค่ำ”
(สดุดี 119:97)
หากเราจะเชื่อฟังคำสั่งขอสุภาษิต
4:20-21
ในการรำพึงภาวนาของเรา
เราจะได้รับมากขึ้น
“ให้ความตั้งใจในสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัส”
เราจะได้รับความรู้จากพระเจ้าและจากพระคำของพระองค์
เมื่อเราเริ่มต้นคุ้นเคยกับพระองค์หากเราจะ
“ตั้งใจฟังพระคำของพระเจ้า”
เรากำลังยอมให้พระองค์เข้ามาครอบครองชีวิต
เราเรียนรู้เรื่องการเชื่อฟัง
การรำพึงภาวนาเป็นการเปิดหัวใจของเรากับพระเจ้า
และทำให้เกิดการเชื่อฟังพระองค์
การรำพึงภาวนาอย่างถูกต้องจะมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเรา
แนวประยุกต์ของการเฝ้าเดี่ยว
วัตถุประสงค์
:
เพื่ออธิบายถึงวิธีการประยุกต์สิ่งที่ได้ศึกษาไปแล้วในชีวิตของเรา
ทำให้ข้อความนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับเรา
การศึกษาพระคำแบบเฝ้าเดี่ยวหรือทุ่มเทนั้น
เป็นการทำให้พระวจนะเป็นจริงสำหรับเรา
และเรื่องส่วนตัวอันทรงคุณค่าในการศึกษาประเภทนี้คือ
การท่องจำพระคำเป็นข้อ
ๆ
พระเจ้าตรัสสั่งไว้ใน
เฉลยธรรมบัญญัติ
6:6-9 ว่า
“ และจงให้ถ้อยคำที่ข้าพเจ้าบัญชาพวกท่านในวันนี้อยู่ในใจของท่าน
และพวกท่านจงอุตส่าห์สอนถ้อยคำเหล่านั้นแก่บุตรหลานของท่าน
เมื่อท่านนั้นอยู่ในเรือน
เดินอยู่ตามทางและนอนลง
หรือลุกขึ้น
จะพูดถึงถ้อยคำนั้น
จงเอาถ้อยคำเหล่านี้พันไว้ที่มือของท่านเป็นหมายสำคัญ
และจงจารึกไว้ที่หว่างคิ้วของท่าน
และเขียนไว้ที่เสาประตูเรือน
และประตูของท่าน”
การรักษาพระวจนะของพระเจ้าในใจของเรา
จะช่วยเราให้ปราศจากบาป
(สดุดี 119:11)
ช่วยเราให้ชนะมารซาตาน
(วิวรณ์ 12:11
ลูกา 4 :4)
และดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์
(สดุดี 119:9
ยอห์น 15:3)
ช่วยเราให้ประสบความสำเร็จ
(โยชูวา 1:8)
พัฒนาความเชื่อของเราให้เข้มแข็ง
(โรม 10:17)
และเสริมสร้างวิญญาณจิตของเรา
(1 เปโตร 2:2)
ช่วยเราในการเป็นพยานกับคนอื่น
ๆ (2 ทิโมธี 3:16)
การท่องจำข้อพระคัมภีร์
เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้พระวจนะนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับเรา
เราจะต้องประยุกต์พระคำในการดำเนินชีวิตของเราด้วย
ต้องยอมให้พระวจนะเป็นโคมส่องเท้าในทางที่เดินไป
(สดุดี 119:105)
เราต้องถามตัวเองว่าพระคำตอนนี้ตรัสอะไรกับเราเดี๋ยวนี้
และเราจะทำอย่างไร
พระคำของพระเจ้าให้คำแนะนำแก่เราว่าควรใช้อย่างไร
“แต่ท่านทั้งหลายจะเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น
มิใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้นซึ่งเป็นการลวงตนเอง
เพราะว่าถ้าผู้ใดฟังพระวจนะแล้วไม่ได้ประพฤติตาม
ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าตัวเองในกระจกเงา
เพราะว่า
เมื่อดูตัวเองแล้วก็ไป
และก็ลืมในทันทีนั้นว่า
ตัวเองเป็นอย่างไร
แต่ผู้ที่พิจารณาดูในวิสุทธิบัญญัติซึ่งเป็นพระบัญญัติแห่งเสรีภาพ
และตั้งแต่ในพระบัญญัตินั้น
มิได้เป็นผู้ฟังแล้วก็หลงลืม
แต่เป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตาม
ผู้นั้นก็จะได้รับความสุข
เพราะการประพฤติปฏิบัติของตน”
(ยากอบ 1:22-25)
มีหลายต่อหลายวิธีที่เราสามารถจดจำและนำพระวจนะมาใช้ด้วยใจที่เชื่อฟัง
ยกตัวอย่างเช่น
เราต้องรักเพื่อนบ้านของเรา
(ลูกา 10:27)
และเราต้องไม่พิพากษาพี่น้องในพระคริสต์
(โรม 14:13)
เราต้องยึดมั่นในพระสัญญาซึ่งพระเจ้าประทานให้
เพื่อให้บรรลุความบริบูรณ์ในพระคริสต์
(โคโลสี 2:10)
เราจะต้องมีชีวิตครบบริบูรณ์นั้นและนำมาใช้ในการที่จะมีเสรีภาพในพระคริสต์
(โคโลสี 2:11, 20)
เราจำต้องเรียนตัวอย่างของบุคคลอื่น
ๆ
ทั้งที่ดีและไม่ดี
ตามที่เราได้เรียนตัวอย่างมาแล้วในบทที่
7
นอกจากนั้น
เราจำต้องเชื่อฟังความจริงของพระเจ้า
และดำเนินชีวิตตาม
2:14-18
และความรักทำให้เราเป็นเหมือนอย่างพระคริสต์
(เอเฟซัส 3:17-19 1
โครินธ์ 13)
การตอบสนองตามความจริงนี้จะสำแดงออกว่าเรานำไปใช้ในการดำเนินชีวิตจริงของเราหรือไม่
ทำให้ข้อความนั้นใช้ได้
พระเจ้าพอพระทัยหากเราแบ่งปันข่าวประเสริฐกับคนอื่น
ๆ ดังนั้น
วัตถุประสงค์ใหญ่ของการศึกษาพระวจนะก็คือ
ช่วยเราในการแบ่งปันความจริงของพระเจ้ากับคนอื่น
ๆ
ทำให้เรามีความรู้และมีความปรารถนาที่จะสอนผู้อื่น
การสอนเริ่มต้นในบ้าน
เราต้องสอนพระคำของพระเจ้ากับลูก
ๆ (เฉลยธรรมบัญญัติ
6:7)
เป็นความชื่นชมยินดีหากความรู้ได้ถ่ายทอดผ่านไปยังเด็ก
ๆ
คนหนุ่มคนสาวและโดยเฉพาะกับคนในครอบครัวของเรา
ดังนั้น
ตามโคโลสี 3:16
กล่าวว่า “จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น”
เปาโลสอนทิโมธีว่า
“จงมอบคำสอนเหล่านั้น
ซึ่งท่านได้ยินจากพระเจ้าต่อหน้าพยานหลายคนไว้กับคนที่ซื่อสัตย์ที่สามารถสอนคนอื่นได้ด้วย”
(2 ทิโมธี 2:2)
พระคริสต์ทรงมอบเรื่องนี้ให้แก่คริสเตียนทุกคนที่จะทำ
“เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก
ประกาศข่าวประเสริฐแก่ทุกคน”
(มาระโก 16:15)
ส่วนหนึ่งในการทำเช่นนั้นก็คือ
การสอน (มัทธิว
28:20)
พระคริสต์ต้องการให้เราเกิดผล
พระองค์ตรัสว่า
“ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา
แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย
และแต่งตั้งทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผลและเพื่อให้ผลของท่านยังอยู่”
(ยอห์น 15:16)
เราต้องพยายามพูดให้เหมือนพระคริสต์ตรัสว่า
“อาหารของเราก็คือ
การกระทำตามพระทัยของพระองค์ทรงใช้เรามาก
และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ”
(ยอห์น 4:34)
ท่านเห็นหรือเปล่าว่า
พระเจ้ามิได้ไถ่เรามาเพื่อเรานั่งลง
แล้วชื่นชมยินดีเฉพาะกับความรอดของเราเองเท่านั้น
พระองค์ต้องการให้เราไปบอกคนอื่น
ๆ
ต่อไปพระเจ้าต้องการให้เราศึกษาพระวจนะในการที่จะทุ่มเท
และรับกำลังและชื่นชมยินดีทั้งกับตัวเราเองและที่พระองค์พอพระทัยมากก็คือ
การที่เราจะแบ่งปันกับบุคคลอื่น
ๆ
การที่เรารักพระคำของพระเจ้าจะทำให้เราแบ่งปันพระคำนั้น
ๆ
กับคนอื่นด้วย
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรท่านให้การศึกษาพระคำอยู่ในชีวิตจิตใจของท่าน
ข้อทดสอบ
วงกลมข้อความที่เห็นว่าถูกต้อง
ซึ่งมีคุณค่าเกี่ยวกับการเฝ้าเดี่ยว
- ทำให้เราใกล้ชิดกับพระเจ้า
- ทำให้เราได้รับการเติมและตอบสนองความการฝ่ายวิญญาณจิต
- ทำให้เรามีความคิดของพระคริสต์
- เป็นการทดแทนการศึกษาพระคำอีกวิธีหนึ่ง
ข้อใดเป็นกุญแจของการเฝ้าเดี่ยว
- แยกตัวเราเองออกจากสิ่งที่เป็นจริง
- เติมจิตใจของเราด้วยพระวจนะ
- ให้เรามีความคิดใหม่
ๆ
ด้วยตัวของเราเอง
ให้เขียน 5
ขั้นตอนที่เราจะใช้ในการเฝ้าเดี่ยว
สดุดี 119 ข้อ
27, 48, 78, 95, 99 และ 148
มีคำอะไรที่กล่าวถึงในข้อเหล่านี้
มี 2
ประการในการที่จะประยุกต์การศึกษาแบบเฝ้าเดี่ยวในชีวิตของเราคือ
ทำให้
ให้เขียน 5
วิธีที่จะทำให้พระคำของพระเจ้าเป็นเรื่องส่วนตัว
ทำไมเราจึงต้องนำข้อความนั้นมาประยุกต์ใช้
เฉลย
1.
|
ก.
|
ถูก
|
|
ข.
|
ถูก
|
|
ค.
|
ถูก
|
|
ง.
|
ผิด
|
2.
|
ข
|
เติมเจิมใจของเราด้วยพระวจนะ
|
3.
|
|
อ่าน
บันทึก
เสาะแสวงหา
เชื่อมโยง
รำพึงภาวนา
|
4.
|
|
สิ่งที่กล่าวถึงของพระคำในแนวประยุกต์ได้ด้วยข้อ
11,15,23,35 และ 97
ก็มีพูดถึงเรื่องการรำพึงภาวนาด้วยเช่นกัน
|
5.
|
|
เป็นการส่วนตัว
ประยุกต์ใช้
|
6.
|
|
เชื่อฟัง
ทวง
เรียนรู้
เชื่อ
ดำเนินชีวิตตามนั้น
|
7.
|
|
เราต้องแบ่งปันข่าวประเสริฐแก่คนอื่น
ๆ
โดยการสอน
การเทศนา
(เพี่อที่จะทำได้เช่นนั้นเราต้องสามารถอธิบายความจริงของพระคำในแนวประยุกต์ได้ด้วย)
|
![](images/fishbar.gif)
GUEST
BOOK / WEB
BOARD / SHARE&CARE / KIDS CENTER
/ FAMILY / COMPOSITION /
PRAY CENTER /
BIBLE STUDY /ARTICLES /MALL CENTER
/ NEWS / PICTURES
/ CONTACT US / WEB LINKS
/ PRAISE&WORSHIP/ HOME
|