|
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Barleria lupulina Lindl. |
วงศ์ |
ACANTHACEAE |
ชื่ออื่น ๆ |
- |
ลักษณะของพืช |
เป็นไม้พุ่มสูงได้ถึง 2 เมตร ตามข้อและโคนก้านใบมีหนามแหลมคมสีน้ำตาลข้างละคู่
กิ่งและก้านมีสีน้ำตาลแดง ใบติดกับลำต้นแบบตรงกันข้าม ก้านใบยาวประมาณ
5 มม. ก้านใบตลอดจนเส้นกลางใบอาจจะมีสีแดงด้านเดียวหรือสองด้านก็ได้
ใบรูปร่างรียาว ขอบใบเกือบขนาน โคนใบและปลายใบแหลม ขนาดใบกว้าง 11.5
ซม. ยาว 510 ซม. ดอกออกรวมกันเป็นช่ออยู่ตามปลายยอด ช่อหนึ่งยาว 39
ซม. ขณะอ่อนจะเห็นใบประดับรูปกลมรี ขนาด 12 ซม. หุ้มดอกไว้ภายใน เมื่อดอกแก่จะโผล่เลยกลีบประดับออกมา
กลีบดอกติดกันเป็นหลอดสีเหลือง ร่วงง่าย |
ส่วนที่ใช้เป็นยา |
ใบสด |
สรรพคุณและวิธีใช้ |
- ใช้รักษาโรคผิวหนังจำพวกเริมและงูสวัด โดยใช้ใบสดครั้งละ 1 กำมือ
ตำให้ละเอียดแทรกพิมเสนเล็กน้อย นำมาทาหรือตำผสมเหล้าแล้วพอกบ่อย
ๆ บริเวณที่เป็น (ขนาดที่ให้นี้สามารถเพิ่มหรือลดลงได้ตามอาการ)
- ใช้แก้พิษแมลงสัตว์กัด ต่อย (ไม่รวมพิษงู)โดยใช้ 2 10 ใบ ขยี้หรือตำให้แหลก
นำมาทาหรือพอก
|
การขยายพันธุ์ |
นิยมใช้การปักชำ |
สภาพดินฟ้าอากาศ |
ชอบที่ชุ่มชื้น และมีความชื้นสูงขึ้นได้ในดินร่วน |
การปลูก |
ตัดกิ่ง ลำต้น ออกเป็นท่อน ๆ แล้วชำลงในดินที่ไม่แฉะและไม่แห้งเกินไป
ดินที่มีความชื้นพอเหมาะรากจะงอกได้เร็ว |
การบำรุงรักษา |
ถ้าปลูกในที่แห้งแล้ง ควรรดน้ำสม่ำเสมอเช้าเย็นถ้าปลูกในที่ที่มีความชื้น
สูง ไม่ต้องให้น้ำบ่อย เป็นพืชที่ขึ้นง่ายไม่ต้องการบำรุงรักษามากนัก
|