|
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Citrus aurantifolia (Christm.) Swingle |
วงศ์ |
RUTACEAE |
ชื่ออื่น ๆ |
ส้มมะนาว มะลิว (ภาคเหนือ) |
ลักษณะของพืช |
เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ตามกิ่งก้านมีหนามแหลมคมจำนวนมาก
ก้านใบสั้นและกางเป็นปีกคล้ายมะกรูดแต่เล็กกว่าและสั้นกว่า คือยาวไม่เกิน
2 ซม. ตัวใบรูปร่างคล้ายรูปไข่รี สีเขียวเป็นมัน ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบจักเล็กน้อย
ขนาดกว้าง 14 ซม. ยาว 27 ซม. ดอกสีขาวอมเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ขนาดเล็กออกตรงซอกโคนก้านใบ
มีทั้งดอกเดี่ยว ๆ และออกเป็นช่อ 37 ดอก ผลค่อนข้างกลมโต รูปร่างและขนาดแตกต่างกันตามพันธุ์
ผิวของผลมีน้ำมันหอมระเหยและรสขม ภายในผลมีถุงเป็นเยื่อบาง ๆ รูปร่างเรียวยาวแต่ขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก
ซึ่งบรรจุน้ำที่มีรสเปรี้ยว มีเมล็ดรูปไข่ปลายแหลมแทรกอยู่เป็นระยะ |
ส่วนที่ใช้เป็นยา |
ผิวของผลสด และผลสด |
สรรพคุณและวิธีใช้ |
- แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้อง ใช้ผิวของผลสดประมาณครึ่งผล
ชงน้ำดื่ม
- แก้ไอและขับเสมหะ ใช้ผลสดคั้นเอาน้ำใส่เกลือ จิบบ่อย ๆ
|
การขยายพันธุ์ |
ใช้วิธีเพาะเมล็ด การติดตา การทาบกิ่ง และการตอน แต่ที่นิยมกันมากได้แก่การตอน
|
สภาพดินฟ้าอากาศ |
ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด โดยเฉพาะดินโปร่งร่วนซุย มีอินทรียวัตถุจำนวนมาก
และระบายน้ำได้ดี ควรปลูกฤดูฝน |
การปลูก |
ขุดหลุมกว้าง ยาว และลึกด้านละ 60 ซม. ใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุม
นำกิ่งตอนลงปลูก กลบดินพอมิด ควรมีไม้ปักไว้ และผูกเชือกมัดกับต้นกันโยก
และทำร่มบังให้ด้วย ถ้าปลูกในที่ลุ่มควรยกโคกให้สูงพอควร เพื่อป้องกันรากถูกน้ำแช่ขังมากเกินไป
|
การบำรุงรักษา |
ในระยะปลูกใหม่ ๆ ต้องรดน้ำทุกวัน และคอยสังเกตอย่าให้ใบมะนาวเหี่ยว
ควรปลูกไม้ทำร่มให้เมื่อมะนาวอายุ 12 ปี แต่เมื่อต้นแข็งแรงดีแล้วต้องตัดไม้บังร่มออกให้หมด
เพื่อมิให้เกิดการแย่งแสงแดดกัน และควรมีการตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้อากาศและแสงแดดส่องได้ทั่วต้น
|