|
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Garcinia mangostana Linn. |
วงศ์ |
GUTTIFERAE |
ชื่ออื่น ๆ |
แมงคุด |
ลักษณะของพืช |
เป็นไม้ยืนต้นที่อาจพบได้สูงถึง 10 เมตร มียางสีเหลืองข้น
ใบ เดี่ยวขนาดใหญ่เนื้อใบหนาและเป็นมัน ดอกมีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมีย
ดอกตัวผู้สีเหลืองอมแดงหรือสีม่วงออกเป็นช่อ ดอกตัวเมียมักออกดอกเดี่ยวหรือเป็นคู่
สีชมพูเข้ม ผลรูปค่อนข้างกลม ขนาดใหญ่ไม่เกิน 10 ซม. เปลือกผลหนาและเรียบ
สีน้ำตาลแดงหรือสีอิฐ มีส่วนปลายของเกสรตัวเมียและกลีบรองกลีบดอกขยายติดอยู่ที่ผลด้วย
ภายในผลมีเมล็ด 48 เมล็ด |
ส่วนที่ใช้เป็นยา |
เปลือกผลแก่แห้ง |
สรรพคุณและวิธีใช้ |
- แก้อาการท้องเดิน (ที่ไม่ใช่บิดหรืออหิวาตกโรค) ใช้เปลือกผล 1/2
ผล ต้มกับน้ำปูนใส ดื่มแต่น้ำ หรือใช้ครึ่งผล ฝนกับน้ำ รับประทานครั้งละ
25 ช้อนชา
- แก้บิด (ปวดเบ่งและมีมูก หรืออาจมีเลือดด้วย) ใช้เปลือกผลแห้ง
1/2 ผล ย่างไฟให้เกรียม ฝนกับน้ำปูนประมาณครึ่งแก้ว หรือ บดเป็นผงละลายน้ำข้าว
(น้ำข้าวเช็ด) หรือน้ำสุกรับประทานทุก 2 ชั่วโมง
|
การขยายพันธุ์ |
มีหลายวิธี เป็นต้นว่า ใช้วิธีการเพาะเมล็ดหรือการตอนกิ่ง
แต่ที่นิยมกันมากได้แก่การตอนกิ่ง การตอนกิ่งควรเริ่มตอนในระยะเริ่มฤดูฝน
และกิ่งตอนจะออกรากภายในระยะเวลา 3045 วัน |
สภาพดินฟ้าอากาศ |
ขึ้นได้ในดินเกือบทุกประเภท ชอบดินเหนียวปนทรายและอากาศร้อนชุ่มชื้น
|
การปลูก |
กล้าไม้มังคุดต้องมีอายุอย่างน้อย 3 ปี นับจากวันเพาะ และแตกแขนงมาจากยอด
จึงนำไปปลูกได้โดยขุดหลุมให้ใหญ่พอควร แล้วใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ไว้ก้นหลุม
เมื่อนำต้นมังคุดลงปลูกต้องกลบดินให้แน่นและมีไม้ยึดลำต้นกันโยก ถ้าแดดจัดต้องพรางแสงแดดในระยะแรกปลูกด้วย
แม้มังคุดโตแล้วก็ต้องมีร่มไม้อื่นเป็นร่มเงาให้ ร่มเงานี้จึงจำเป็นสำหรับมังคุดมาก |
การบำรุงรักษา |
ในระยะแรกปลูกถ้าฝนไม่ตก ควรให้น้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
และคอยกำจัดวัชพืชบริเวณรอบต้นบ้าง ต้นมังคุดจะให้ผลเมื่ออายุประมาณ
10 ปี |