|
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Syzygium aromaticum (L.) Merr. Et perry
(Syn. Eugenia caryophyllus (Sprengel) Bullock et Harrison) * |
วงศ์ |
MYRTACEAE |
ชื่ออื่น ๆ |
ขจันจี่ (ภาคเหนือ) |
ลักษณะของพืช |
เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กสูง 514 เมตร ใบเดี่ยวติดกับลำต้นแบบตรงข้ามเนื้อในหนาเป็นมัน
เมื่อส่องกับแสงแดดจะเห็นจุดน้ำมัน ตัวใบรีหรือรูปไข่เกือบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม
ใบมีขนาดกว้าง 25 ซม. ดอกออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ประกอบด้วย 320 ดอกเมื่อแก่ดอกจะยาว
12 ซม. สีแดงอมชมพู ผลรูปรีหรือรูปไข่ สีแดงเข้มยาว 23 ซม. ภายในมีเมล็ด12
เมล็ด |
ส่วนที่ใช้เป็นยา |
ดอก (ดอกกานพลูที่ดีจะต้องเป็นดอกที่มิได้สกัดเอาน้ำมันออก
และมีกลิ่นฉุนรสเผ็ดจัด) |
สรรพคุณและวิธีใช้ |
- แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้อง ใช้ดอกแห้ง 58 ดอก (0.120.6
กรัม) ต้มหรือบดเป็นผงรับประทาน (ดอกกานพลู 3 ดอก ทุบแล้วแช่ในน้ำเดือด
1 ขวดเหล้า ใช้ชงนมเด็กจะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กท้องขื้น ท้องเฟ้อได้
- แก้อาการปวดฟัน กลั่นเอาน้ำมันใส่ฟันหรือใช้ทั้งดอกเคี้ยวแล้วอมไว้ตรงบริเวณฟันที่ปวดเพื่อระงับอาการปวดฟัน
|
การขยายพันธุ์ |
ใช้ทั้งการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง |
สภาพดินฟ้าอากาศ |
ดินควรเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารพืช และควรปลูกในฤดูฝน
|
การปลูก |
ขุดหลุมให้ กว้างประมาณ 60 ซม. ยาว 60 ซม. ลึก 60 ซม. ตากดินไว้ประมาณ
1 สัปดาห์ เพื่อให้แสงแดดฆ่าเชื้อโรคในดิน จากนั้นใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุม
นำต้นลงปลูกแล้วจึงกลบและพูนดินที่โคนต้น เพื่อป้องกันน้ำขัง กานพลูไม่ชอบน้ำขัง
เมื่อปลูกใหม่ ๆ ต้องทำร่มให้ด้วยหลุมละ 1 ต้น กลบดินให้แน่นรดน้ำให้ชุ่ม
|
การบำรุงรักษา |
คอยดูแลการระบายน้ำให้ดี อย่าให้น้ำขัง กานพลูที่สมบูรณ์จะให้ผลเมื่ออายุย่างเข้าปีที่
4 และจะให้ผลผลิตสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในอายุประมาณ 20 ปี |
( * ชื่อวิทยาศาสตร์ แก้ไขตาม Chantararanothai, P. et 1994. Thai For.
Bull. 21: 3839)