|
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
- |
วงศ์ |
PUNICACEAE |
ชื่ออื่น ๆ |
พิลา (หนองคาย) พิลาขาว มะก่องแก้ว (น่าน) มะเก๊าะ (ภาคเหนือ)
|
ลักษณะของพืช |
เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็กสูง 0.55 เมตร กิ่งอ่อน
ๆ มักเป็นสี่เหลี่ยมแต่พอแก่จะมน ปลายกิ่งมักมีหนามแหลม ใบมักติดกับลำต้นแบบตรงข้ามเป็นคู่
ใบมีรูปแบบขนานหรือยาวเรียวแคบ ปลายใบและโคนใบอาจมนหรือแหลมก็ได้ ขอบใบเรียบ
ผิวเป็นมัน ใบมีขนาดกว้าง 0.52.5 ซม. ยาว 15 ซม. ดอกออกทั้งเดี่ยวหรือเป็นช่อ
25 ดอกก็ได้ ดอกมีทั้งสีขาว สีแดง และแดงส้ม ผลกลมใหญ่ขนาด 512 ซม.
มีหลายสีทั้งสีเขียวอมเหลืองไปจนถึงสีน้ำตาลแดง ภายในมีเมล็ดมาก รูปร่างเป็นเหลี่ยมมน
ๆ อัดกันแน่นเต็มผล เมล็ดมีทั้งชนิดสีแดง ชมพู และสีเหลืองซีด |
ส่วนที่ใช้เป็นยา |
เปลือกผลแห้ง และเปลือกลำต้นหรือเปลือกราก |
สรรพคุณและวิธีใช้ |
- แก้อาการท้องเดิน (ที่ไม่ใช่บิดหรืออหิวาตกโรค) ใช้เปลือกผลแห้งประมาณ
1 ส่วน 4 ของผล ต้มกับน้ำปูนใสเอาน้ำดื่ม
- แก้บิด (ปวดเบ่งและมีมูกหรืออาจมีเลือดด้วย) ใช้เปลือกผลแห้งประมาณครั้งละกำมือ
(35 กรัม) ต้มกับน้ำรับประทานวันละ 2 ครั้ง
- ถ่ายพยาธิลำไส้ (พยาธิตัวตืดและพยาธิไส้เดือน) ใช้เปลือกลำต้น
หรือเปลือกรากสด ประมาณครึ่งกำมือใหญ่ ๆ (1015 กรัม) ต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหารเช้าแล้วรับประทานยาถ่ายตาม
|
การขยายพันธุ์ |
ใช้เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ที่นิยมคือวิธีเพาะเมล็ด |
สภาพดินฟ้าอากาศ |
ปลูกได้ในดินทั่วไป แต่ชอบดินเหนียวปนหิน และชอบอยู่ใกล้แหล่งน้ำต้องการแสงแดดมาก
ฤดูปลูกที่เหมาะสม คือ ต้นฤดูฝน |
การปลูก |
เตรียมดิน โดยยกร่องสูง 50 ซม. ระหว่างร่องห่างกัน 1 เมตร
บนคันดินที่ยกไว้ขุดหลุมเป็นแถวห่างกันหลุมละ 1 เมตร กว้าง ยาวและลึกด้านละ
30 ซม. ใส่ปุ๋ยคอกคลุกเคล้าดินรองก้นหลุม นำต้นกล้าลงปลูกหลุมละ 1 ต้น
กลบดินให้แน่นรดน้ำให้ชุ่ม |
การบำรุงรักษา |
เมื่อต้นอ่อนควรรดน้ำพรวนดินและใส่ปุ๋ยคอกพอควร อายุ 6
เดือนทับทิมจะแตกพุ่มโดยรอบ อย่าให้ร่มเงาไม้ใหญ่บัง เพราะต้นจะแคระแกรน
และไม่ออกดอก ออกผลเลย ฉีดยาป้องกันเพลี้ยไฟ และด้วงในระยะที่ต้นแตกพุ่ม
ครั้นเมื่อต้นแก่ควรตัดกิ่งแก่ทิ้ง หรือปลูกแซมต้นเก่าบ้างก็ได้ |