Site hosted by Angelfire.com: Build your free website today!

 

 

 

2-3 อาทิตย์ก่อนที่Tom Morelloจะแถลงข่าววงดนตรีวงใหม่ของพวกเขาที่โรงแรมริมชายหาด Caca Del Mar จะมีการแถลงข่าวงวดนตรีใหม่ เขาหยิบแม๊กกาซีนหนังสือ Rolling Stone ที่มีวง The Vineขึ้นปก พร้อมพาดหัวไว้ว่า "Rock Is Back" Morelloหัวเราะ ผมว่าโลกนี้มันต้องเพี้ยนไปแน่ๆเลย ถ้าคุณคิดวงไอ้วงนั้นจะนำดนตรีร็อคกลับมา เพราะคำว่า Rock Is Back มันต้องเป็นอะไรที่ดูจริงจังมากกว่านั้น

เป็นเวลาเกือบ10ปีแล้ว ที่อัลบัมสุดท้ายของMorello อุบัติขึ้นมาบนโลก ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงประกาศศักดาวงวงร็อค แอนด์โรลที่มาจากเมืองเดียวกัน(ซีแอตเทิล) อย่างวง Nirvana และ Pearljam ส่วนวง แร๊พ - ร็อค ในตอนนั้นยังเรียนรู้ที่จะอยู่รอดในถนนสายดนตรี

ในปี1992 Chris Conell คือ ส่วนหนึ่งของกระแสกรั้นซ์อันเชี่ยวกราดในฐานะนักร้องนำวง Soundgardenเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงนั้น และไม่เคยคิดถึงดนตรีที่เรียกว่า แร๊พ เมทั่ล เลย

10ปีให้หลังทั้งSoundgardenและRage Against The Machineมีอัลบัมเยี่ยมๆ หลายอัลบัมที่มีผลทำให้เพลงอัลเทอเนทีฟร็อคกลายเป็นเพลงกระแสหลักที่ถูกเปิดออกอากาศทางวิทยุ

ก่อนหน้าปี2001 ยังไม่มีใครมีไอเดีย เกี่ยวกับการนำวงมารวมเข้าด้วยกัน Conellกำลังง่วนกับการเขียนเพลงอัลบัมที่2 ของเขาใน ซีแอตเทิ่ล ขณะที่ Morello (กีตาร์) และ Tim Commerford (เบส) และ Brad Wilk (กลอง) กำลังออดิชั่นเพื่อหานักร้องคนใหม่ให้กับวงอยู่ที่LA พวกเขาไม่ต้องการนักร้องที่เหมือนแร๊พเปอร์เหมือน Cypress Hill แต่พวกเขาต้องการคนที่มีเสียงร้องแตกต่างกับ Zack de Ia Rocha

Cornell ไ้พบกับ Morello หลายครั้งในรอบปีที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่จะพูดคุยเกี่ยวกับโซโล่อัลบัมของMorelloมากกว่าความคิดที่จะรวมตัวกัน เขาได้รับการทาบทามจากดนตรีหลายวงด้วยกัน แต่ไม่คิดไปแจมกับวงไหนเลย จนกระทั่งเขาได้รับโทรศัพท์จากRick Rubin โปรดิวเซอร์ที่เป็นเบื้องหลังให้กับ RunDMC ,LL Cool J ,System Of A Down และ Rage Against The Machine

Rubinมองเห็นความแตกต่างอันลงตัวของ Cornell และสมาชิกที่เหลือของ Rage Against The Machine สุดยอดการรวมตัวของนักดนตรีและโปรดิวซ์เซอร์ระดับหัวกระทิจึงเกิดขึ้น

ดียังดูน้อยไปสำหรับการได้Cornellมาร้องนำให้เรา Morelloกล่าว เขาเดินมาที่ไมโครโฟน และร้องเพลงเท่านั้นเองแหละ มันเป็นเสียงร้องที่เยี่ยมยอดจริงๆ

17 วันหลังConellมาร่วมวง เข้าห้องซ้อม พวกเขาได้แต่งเพลงเอาไว้ถึง21เพลงด้วยกัน และ14เพลงจากทั้งหมดนี่แหละคือเพลงที่บรรจุในอัลบัมของพวกเขาที่ได้วางจำหน่ายแล้ว งานซึ่งมีเพลงที่แสนก้าวร้าวรุนแรง จนถึงเพลงที่เป็นบัลลาด นี่คือซาวน์ที่เกิดจากการรวมตัวกันของSoundgarden และ Rage Against The Machine

ระหว่างการเขียนเพลง Cornell รับความคิดเห็นของเพื่อนร่วมวงทุกคน เพื่อให้การร้องและเนื้อเพลงไปในทิศทางที่ทางวงต้องการมากที่สุด "ผมมีโอกาสได้ฟังเสียงร้องของChrisจากเทปม้วนแรกที่เขาอัดเอาไว้ด้วย"Timเล่าต่อว่าเสียงของเขาเหมือนแซกโซโฟน ผมรู้สึกว่าเราอยู่ในสตูดิโอกับผู้ชายที่มีเสียงร้องวิเศษสุด ผู้ที่สามารถร้องเพลงที่มีเสียงร้องใรแบบโฟลเซโต เสียงกรีดร้องแบบAC/DCเสียงร้องต่ำๆแบบ เอลวิส เพลสลีย์ หรือ เสียงร้องแบบตัวเขาเอง ที่เราได้ยินในSound Garden

หลังรวมตัวกันไม่กี่เดือน Audioslave ประกาศตัวว่า จะเป็นหนึ่งในวงเฮดไลน์ร่วมในงานOzzfest เทศกาลคนหูเหล็ก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลงเพียงเพราะการรวมตัวที่เร็วไปของพวกเขา "เราไม่เคยนึกถึงเรื่องธุรกิจสักนิดเดียว มันดูยุ่งเหยิงจนไม่น่าเชื่อ เพราะการรวมตัวของเรามันขึ้นอยู่กับบริษัทแผ่นเสียง ตัวกฏหมาย เรื่องของบัญชี รวมไปถึงบริษัทจัดการ เราพยายามที่จะไม่เอาสิ่งดังกล่าวมาคำนึงถึง และ พยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่พอจะเป็นไปได้แม้มันจะยากก็ตาม แต่ดูเหมือนว่ามันแย่ลงและยากขึ้นเรื่อยๆ

4วันหลังจากการแผลงข่าวเรื่องOzzfest นั้น Cornel หยุดทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับ Audioslave หลังจากรวมตัวกันไม่ถึง 6เดือน โดยทางวงไม่ออกมาบอกรายระเอียดใดๆ นอกจากกล่าวว่า พวกเขาไม่ได้ทำเพลงอะไรกันหรอกในเมื่อทางผู้จัดการของเราทะเลาะกันไม่เลิกสักท

หลังจากนั้นไม่นานเราก็พูดคุยันแบบตัวต่อตัว ซึ่งทั้งหมด เราเคลียร์กันได้ว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้ คือวงดนตรีที่เราภูมิใจอย่างยิ่งกับมัน" Cornell สาธยาย

การใครครวญของพวกเขาครั้งนั้นทำให้วงAudioslaveยังคงเดินหน้าต่อไป ด้วยความเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น พวกเขาดูเป็นพี่น้องมากกว่าเป็นเพื่อนร่วมวง เห็นจากการหัวเราะบ่อยครั้งของ Cornell เอง รวมไปถึงมุขตลกต่างๆ ของพวกเขาในระหว่างการพูดคุย

ขณะที่กำลังสนทนาว่า เพราะอะไรวงของเขาไม่ยอมแสดงไลฟ์คอนเสิร์ตสักที Cornell บอกกับพวกเราว่าพวกเขาไม่ต้องการผูกมัดตัวเองจนกว่าแน่ใจว่าจะรวมตัวกันได้จริงๆ "คือ เราต้องการสะสางปัญหาต่างๆ ให้เสร็จสิ้นก่อน"

และเมื่อAuidioslaveจ้างผู้จัดการวงคนใหม่ และทำการมิกซ์อัลบัม พวกเขา ตื่นเต้นกับการกลับเข้าห้องซ้อมอีกครั้ง ดูเหมือน Morello จะดูคึกคัก กระตือรือร้นที่จะพูดถึงเพลงของเขามากทีเดียว

Gasoline คือเพลงร็อคที่ดุดันที่สุด มันคือการรวมตัวกันของริฟฟ์กีตาร์ที่หนักหน่วงกับบทกลอนที่เฟหนือจริงเข้าไว้ด้วยกัน

แทรกอย่าง Sit It Out เป็นแทรคที่โดดเด่นไม่แพ้ซิงเกิลแรกของพวกเขา Cochise เพลง Set It Out เริ่มต้นด้วยบางส่วนฝีมอของ Morello ซึ่งระเบิดเป็นเพลงร็อคที่ไม่อาจจะต้านทานได้ กับเนื้อร้องประโยคที่ว่า "Set This Fucker Off"

เนื้อเพลงนี้เป็นแรงบันดาลใจจากอารมณ์ของเพลง "CornellWอธิบาย บางคนคอมเมนต์เราว่า เพลงที่เราแต่งขึ้นนี้มันดูเหมือนเพลงที่ปลุกระดมให้เกิดการจราจล ผมพยายามทำให้ผู้คนต่างๆ และ พวกที่ชุมนุมประท้วงนั้น หรืออะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวข้อง ได้เห็นสิ่งที่ผมพบระหว่างการทัวร์ของเราจากเพลงนี้

และนั่นเป็นครั้งแรกที่เห็นบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นที่บ้านเกิดผมผ่านทางCNN ผมว่า CNNเสนอข่าวที่เกินจริงเกินไปนะ มันดูบ้าคลั่ง และนั่นคือสิ่งในหัวผมที่ตอบกลับมา"

การเดินบนถนนสายนี้ของAudioslave ยังเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ พวกเขามีความมั้นใจอย่างสูงในงานเพลงของพวกเขาที่จะสั่นสะเทือนวงการเพลงระดับโลกอีกครั้ง และการได้ออกทัวร์ในอนาคตอันใกล้ ยังเป็นสิ่งที่วงดนตรีทั่วๆ ไปคาดหวัง แต่จะจบลงอย่างนั้นได้อย่างไรนั้นยังคงต้องติดตามกันต่อไป

"เรามีอัลบัมที่พวกเรารัก ประสบการณ์ในการร่วมงานของพวกเราคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก และนั่นมันก็เพียงพอที่จะมองไปข้างหน้า และพูดว่า เราคือวงดนตรีวงเดียวกัน และยังคงทำงานเพลงของเราต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเราไม่อยากทำมันอีก" Morelloพูด"ซึ่งนั่นอาจจะสัก10ปีหรือ20ปีข้างหน้า หรืออาจจบลงแค่อัลบัมชุดหน้า แต่สำหรับตอนนี้ไม่มีเหตุผลสำหรับผมที่จะทำให้รู้สึกว่ามันจะมีอะไรก้าวไปข้างหน้า"

 

จากMusic Express

Home