Site hosted by Angelfire.com: Build your free website today!

 

Linkin Park

พอดีไปเจอกระทู้นึงในPantipของคุณwildfantasia เห็นน่าสนใจดี เลยเอามาให้ดูกันครับ

 

wildfantasia

 

บทความนี้ก็ตั้งแต่ปี 2002 แล้วล่ะค่ะ..มาจากนิตยสาร Rolling Stone...


เราเห็นว่าเรื่องที่ Chester เล่าทำให้เราได้เห็นความมุ่งมั่นของเขา...

Chester ต้องมา L.A. โดยที่ไม่รู้ว่าการตัดสินใจเข้าร่วมวงกับ Xero จะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องหรือไม่


เราคิดว่าช่วงแรกๆ ที่ เขาต้องลำบากนั้น...เขาคงคิดว่า เลือกทางเดินผิด...แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้..เรียกว่าสู้จนถึงที่สุดล่ะค่ะ...


สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันก็ฟ้องอยู่แล้วว่า Chester ไม่มีความมั่นใจว่าเขาจะสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ด้วยดนตรี...เห็นได้จากการที่เขายังติดเหล้าอยู่...


เอาล่ะค่ะ...ลองอ่านเล่นๆ ละกันนะคะ

Chester Bennington ได้รับโทรศัพท์ในวันที่ 20 มีนาคม 1999 ที่บ้านของเขาในเมือง Phoenix....


ชายคนหนึ่งอยู่ปลายสาย...เขาแนะนำตัวว่าชื่อ Jeff Blue เป็นรองประธานของ A&R ของ Zomba Music ใน Los Angeles...


เขารีบพูดเข้าเรื่องว่า " ผมมีโอกาสมายื่นให้คุณ...ผมมีวงดนตรีอันยอดเยี่ยมให้คุณ "....
วงดนตรีที่เขาพูดถึงคือ Xero และตอนนี้มันกำลังต้องการนักร้อง...


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเกิดปีที่ 23 ของ Chester ขณะที่เขากำลังมีงานวันเกิด
วันรุ่งขึ้น...Chester ซึ่งทนายความใน L.A. เป็นผู้แนะนำเขาให้กับ Blue...ก็ได้รับพัสดุไปรษณีย์จาก Xero...


ในนั้นมี demo 2 อัน..อันหนึ่งมีเสียงนักร้องคนเก่าของวง Xero...ส่วนอีกอันเป็นเพลงบรรเลง...


Blue บอก Chester ว่า " ผมต้องการให้คุณร้องในแบบของคุณ "...
Chester บันทึกเสียงร้องลงในเพลงบรรเลงและส่งให้ Blue ทางบริการส่งพัสดุ FedEX...

2 วันหลังจากนั้น...Chester ก็มา L.A. ที่ห้องซ้อมในเมือง Hollywood..เพื่อจะเข้า audition กับวง Xero...


สิ่งที่เขานำติดตัวมาด้วยมีเพียงแค่ไมค์ตัวโปรดกับเสื้อผ้าอีกนิดหน่อยและคำอวยพรจาก Samantha ภรรยาของเขาซึ่งรออยู่ที่เมือง Phoenix...


Chester ยังต้องลาออกจากงานประจำอีกด้วย...

Chester ยอมรับว่า " ผมกลัวมากครับ "...พูดจบก็หันไปยิ้มแบบสบายๆ กับ Samantha...ซึ่งนั่งข้างเขาในร้านอาหารตรงข้ามชายทะเลในเมือง Santa Monica...


" เราอาจจะพลาดได้...ทั้ง credit..และความสัมพันธ์ของเรา "...ทว่าทั้งสองอย่างที่เขาพูดถึงก็สามารถดำเนินไปได้ด้วยดีเพราะ...


Chester และ Samantha ซึ่งแต่งงานกันตั้งแต่ปี 1996...พึ่งจะซื้อบ้านใหม่แถว Redondo Beach และทั้งสองกำลังจะมีลูกชายคนแรก...

Chester เล่าต่อว่า " ตอนที่ผมได้รับ demo..เราสองคนมองหน้ากัน...และความรู้สึกก็คือนี่แหละคือสิ่งที่เรารอ...และมันจะต้องไปได้ด้วยดี...แม้ว่าจะใช้เวลาถึง 5 ปี ก็ตาม "


3 ปีหลังจากนั้น...Chester พร้อมกับรูปร่างผมบาง..ใส่แว่นตาขอบสีดำ..เจาะริมฝีปากล่าง...ใส่สร้อยคอมือเต็มไปหมด...เปล่งพลังเสียงที่ฟังดูน่าจะเป็นเสียงผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าเขาสัก 2 เท่า....กำลังเป็นนักร้องที่โดดเด่นที่สุดในวงการดนตรีร็อค


หลังจากที่ Chester เข้ามาในวง...Xero เปลี่ยนชื่อเป็น Hybrid Theory...และตอนนี้มีชื่อว่า Linkin Park...
มียอดขายที่น่าทึ่ง..สำหรับอัลบัม Hybrid Theory ภายใต้สังกัด Warner Bros. วางแผงในเดือนตุลาคม ปี 2000...
ขายได้ 6 ล้านแผ่นในอเมริกาและ 14 ล้านแผ่นทั่วโลก...


เป็นอัลบัมซึ่งบรรจุ 12 เพลงที่เป็นการผสมผสานระหว่าง alternative metal, hip-hop และการเล่น turntable...
Hybrid Theory ครองตำแหน่งอัลบัมที่ขายดีที่สุดในอเมริกาในปี 2001...แซงคู่แข่งอย่าง Jay-Z, 'N Sync และ Britney Spears


Linkin Park ได้เข้าชิง Grammy Awards ถึงสามสาขาด้วยกัน...และ DVD Frat Party at the Pankake Festival ก็มียอดขายติด 1 ใน 10 อันดับแรก...
และแฟนคลับอย่างเป็นทางการก็ได้จัดตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิการยน 2001...มีสมาชิกในตอนนั้นถึง 10,000 คน...
Chester พูดอย่างตื้นตันว่า

" พวกเรารู้สึกทึ่ง..ทุกอาทิตย์เลยครับ "
ค่ายเพลงที่เคยปฏิเสธพวกเขาคงน้ำตานองหน้าไปแล้ว...3 ปีที่ Linkin Park ถูกปฏิเสธจากทุกค่ายเพลงยักษ์ใหญ่รวมถึงค่ายอินดี้นับไม่ถ้วน...


Warner Bros. ก็เคยปฏิเสธพวกเขาถึง 3 ครั้งก่อนที่จะตกลงเซ็นสัญญาปลายปี 1999

" พวกเราผ่านอุปสรรคมาด้วยกันมากมาย...แต่ก็ไม่ทำให้เรายอมแพ้อย่างง่ายดายหรอกครับ "


Brad กล่าวขณะกำลังนั่งกินอาหารเย็นในร้าน Popeyes...
" พวกเรารู้ว่า...สิ่งที่พวกเราทำมันยอดเยี่ยม...และเราจะไม่หยุดจนกระทั่งเราสามารถทำให้คนอื่นๆ คิดแบบเดียวกับเรา "


" มันเหมือนเป็นแรงบันดาลให้คนอื่นๆ ด้วยว่า...ถ้าคุณมีความทุ่มเทให้กับบางอย่าง...มีความตั้งใจ...ความฝันของคุณก็สามารถเป็นจริงได้ "


Joe Hanh ซึ่งเป็นผู้คิดและกำกับ mv ให้กับวง..พูดถึงความสำเร็จของพวกเขาว่า...

" มันเหมือนพรอันวิเศษที่ทำให้พวกเรามาถึงจุดนี้ "...
เขาพูดก่อนหน้าการซ้อมคอนเสิร์ต...Hahn พยายามทรงตัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ขาหักพร้อมพูดต่อไปว่า


" แต่ถ้าคุณเป็นคนภายนอกแล้วมองเข้ามา...มันจะรู้สึกยิ่งใหญ่มากกว่า...เหมือนกับเวลาคุณจบ high school...คุณเฝ้ารอคอยที่จะให้วันนั้นมาถึง..แต่พอมันมาถึงแล้วคุณกลับรู้สึกว่า..'..ต่อจากนี้จะเป็นยังไงนะ'

ตอนที่ Mike เขียนรายการความฝันของเขานั้น...หนึ่งในนั้นคือ เขาอยากได้ Grammy Award...ทุกคนในวงต่างก็พูดว่า

" ...ขำเป็นบ้าเลย...มันก็เจ๋งดีนะ...แต่ว่ามันตลกมากกว่า "

ก่อนหน้าที่ Hybrid Theory จะวางแผง..Chester ไปพนันกับ Myra Simpson ซึ่งเป็นผู้จัดการเกี่ยวกับการโปรโมทศิลปินที่ Warner Bros.
Chester ซึ่งเป็นแฟนตัวยงของ Stone Temple Pilots เล่าว่า

" เธอมี platinum plaque ของวง Stone Temple Pilots ตั้ง 3 แผ่น "


แล้วเธอก็พูดกับผมว่า...ถ้าพวกผมได้ gold plaque ในช่วงวันคริสต์มาส...เธอจะให้ผมทั้ง 3 แผ่นเลย "

แน่นอนว่า Hybrid Theory ได้รับ gold plaque ตอนคริสต์มาส ปี 2000...

" ในที่สุดผมก็ได้มันมาทั้ง 3 แผ่น..."
Chester กล่าว...และเขาก็นอนกอดมันทุกคืนในรถบัสระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต
" ผมห้ามคนอื่นแตะมันเลยครับ "
ส่วน Mike Shinoda คุยให้ฟังระหว่างที่เขานั่งอยู่ใต้ร่มคันใหญ่ของร้าน Starbucks ว่า


" ผมจะบอกให้ฟังว่าสถานการณ์ตอนนั้นมันเลวร้ายแค่ไหน..."


Mike เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน...พ่อของเขาเป็นแพทย์ฝึกหัดในค่ายทหารอเมริกันตอนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2..
เขากำลังจะเล่าถึงชีวิตตอนเรียนใน Art Center of Design ในเมือง Pasadena รัฐ California...พร้อมกับต้องซ้อมดนตรีไปด้วย..

" ผมต้องเรียนศิลปะและทำงานที่อาจารย์มอบหมาย..ตั้งแต่ 9 โมง ถึง 4 โมง..4 โมงถึง 1 ทุ่ม...1ทุ่มจนถึง 4 ทุ่ม "


Mike เล่าท่ามกลางเสียงรถที่แล่นไปมาบน Ventura Freeway ...
" พอผมเลิกเรียนก็ไปซ้อมดนตรีประมาณ 2-3 ชั่วโมงที่เมือง Hollywood..จากนั้นก็กลับบ้านของพ่อกับแม่และวาดรูปจะกระทั่งผมวาดไม่ไว้แล้วเผลอหลับไป...มาสะดุ้งตื่นอีกทีตอนเช้า..และก็เริ่มต้นวันใหม่แบบที่ผมเล่าไปตอนแรกน่ะครับ "

Mike เล่าต่อ " แต่ละอาทิตย์ผ่านไปแบบโหดมาก...โดยเฉพาะอาทิตย์ไหนที่มีคอนเสิร์ตในวันศุกร์...ผมก็พยายามจะชวนเพื่อนๆ ให้ไปดูพวกผมเล่นดนตรี...แต่ทุกคนก็จะบอกว่า ' แกจะบ้าหรือเปล่า...ฉันมีงานต้องส่งวันจันทร์นะโว้ยยย...ถ้าไปกับดูคอนเสิร์ตของแก...จะเอาเวลาที่ไหนมาวาดรูปกันล่ะ '
สมาชิกทุกคนใน Linkin Park ประสบปัญหาเกี่ยวกับการเรียนไปทำงานไป..และยังเล่นดนตรีในวงที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอีกด้วย..


Rob ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ...ระหว่างที่เขาเรียนบัญชีใน Santa Monica College...


Hahn เรียนที่ดียวกับ Mike แต่พอเรียนไปได้ปีเดียว..เขาก็ลาออกมาทำงานฟรีแลนซ์เป็นช่างวาดภาพประกอบ...ออกแบบสัตว์ประหลาดและหุ่นยนต์ให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง


Brad ต้องแบ่งเวลาจากการเรียนด้านสื่อสารมวลชนที่ UCLA มาช่วย Mike แต่งเพลงในห้องนอนของเขา...และฝึกงานที่ Zomba Music ด้วย...เจ้านายของเขาก็คือ Jeff Blue

Blue เล่าว่า " Brad ทำทุกอย่างเพื่อที่วงดนตรีของเขาจะได้เซ็นสัญญา...เขาช่วยผมส่ง demo ของ Macy Gray และจัดเตรียม showcase ของเธอ "
Linkin Park อาจจะไม่ได้เป็นวงดนตรีที่มีการศึกษาสูงในวงการดนตรี nu-metal
( Phoenix เรียนจบด้านปรัชญา จาก UCLA )...แต่พวกเขาเป็นวงดนตรีที่มีการยบริหารงานดีที่สุดวงหนึ่ง...


สมาชิกแต่ละคนใช้ความสามารถที่ร่ำเรียนมา...ทำงานด้านต่างๆ ในวง...


Joe Hahn และ Mike จะรับผิดชอบเรื่องศิลปะเป็นส่วนใหญ่...พวกเขาเป็นคนวาดรูปปกอัลบัม Hybrid Theory...


Brad กับ Rob รับผิดชอบเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของวงและการวางแผนการตลาด


Chester ช่วย Mike แต่งเพลง...


ส่วน Phoenix ซึ่งจากวงไประหว่างที่กำลังทำ Hybrid Theory แต่ก็กลับมาทันก่อนวันวางแผงพอดี..เป็นคนเขียนรายงานการทัวร์คอนเสิร์ตให้กับเวบไซต์ของ Linkin Park...ซึ่งไม่ใช่งานเบาๆ เพราะ Linkin Park เล่นคอนเสิร์ตถึง 324 รอบในปีนั้น...คิดดูแล้วก็เล่นแทบจะทุกวันทีเดียว


Rob McDermott ที่กลายมาเป็นผู้จัดการวงในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2000 กล่าวว่า


" ถ้าจะให้ผมพูด...พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ดีที่สุดที่คุณจะทำงานด้วย...วงร็อคส่วนมาก..จะพูดว่า '...เฮ้..เรามีสัญญากับค่ายเพลงนะ ' ...และพวกเขาคิดว่าได้มันมาง่ายๆ...แต่ Linkin Park มาจากด้านที่แตกต่างกัน..และพวกเขาช่วยกันสร้างความสำเร็จ "


Rob เล่าว่า " เรามีความเป็นประชาธิปไตยในวง...จะไม่มีเหตุการณ์ที่ว่าใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ออกความเห็นหรือไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น "

Rob ยังเล่าถึงความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในตัวของเขาตั้งแต่ยังเด็ก ว่า..." ย้อนไปตอนเป็นเด็กเล็กๆ ...ตอนนั้นผมยังเดินไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่เลยครับ..ผมใช้เวลา 3 ชั่วโมงในการพยายามผูกเชือกรองเท้า...ผมนั่งลงตรงมุมหนึ่งและสอนตัวเองว่าต้องผูกเชือกยังไง...ผมว่าความมุ่งมั่นแบบนี้มีอยู่ในตัวทุกคนนะ "

Brad กับ Mike เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ high school ..ช่วยกันตั้งวง Xero ขึ้นในปี 1996...หลังจากนั้น Chester ก็เข้ามาแทนตำแหน่งนักร้องของ Mark Wakefield ที่ลาออกจากวงไป...


Xero เปลี่ยนชื่อเป็น Hybrid Theory...Mike ซึ่งเคยเรียนเปียโนคลาสสิค..เป็นเหมือนพ่อมดคอมพิวเตอร์ในด้านการ mix...การแต่งเพลง..โดยใช้โปรแกรม Pro Tools..จนทำให้เขาและเพื่อนๆ ทำอัลบัมของตนเองออกมาในปี 1999..คือ Hybrid Theory EP

Rob กล่าวว่า เพลง Points of Authority เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ชัดเจนถึงความสามารถของ Mike


" Brad แต่งท่อน riff จากนั้นก็กลับบ้านไป...Mike ก็จะนำสิ่งที่ Brad แต่งมาแบ่งเป็นส่วนๆ และจัดเรียงใหม่ในคอมพิวเตอร์ "


Mike สามารถทำได้ให้ท่อน riff ของ Brad สมบูรณ์ได้ในที่สุด..Rob กล่าวต่อว่า
" จากนั้น Brad ต้องเรียนรู้สิ่งที่เขาแต่งจากคอมพิวเตอร์...Mike เป็นอัจฉริยะจริงๆ ครับ "


แต่ Linkin Park ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อวงว่า Hybrid Theory ก็ไม่ได้รับการโปรโมทจากค่ายเพลงเท่าที่ควร...


พวกเขาจึงตัดสินใจทำการตลาดด้วยตนเอง...โดยการจัดตั้ง street team...post ข้อความเกี่ยวกับวงไว้ในเวบไซต์ของศิลปินอื่นๆ ...ทำ mp3 ให้คนลอง download ไปฟัง...แจกเสื้อยืดฟรี....และให้สติกเกอร์กับเทปเพลงของพวกเขากับคนที่สนใจ


Rob เล่าว่าในตอนนั้น " ผมเดินยัดของเหล่านี้เข้าไปทุกตู้ไปรษณีย์เลยครับ...จากนั้นผมก็รีบวิ่งหนีไป...พวกเราห่อของใน apartment ของผมเอง...ห้องนั่งเล่นของผมเหมือนที่ทำการไปรษณีย์เลยล่ะครับ "

พวกเขาต้องเปลี่ยนชื่อวงจาก Hybrid Theory ไปเป็นอย่างอื่นเพราะมีวงดนตรีของ Warner Bros. ที่ชื่อ Hybrid...


ช่วงทัวร์คอนเสิร์ต..Linkin Park ใช้ชีวิตบนรถบัสซึ่งมีสตูดิโอเคลื่อนที่ด้วย...ไม่มีส่วนสำหรับจัดงานปาร์ตี้...
นโยบายของวงคือ ไม่มีเหล้า ไม่มีบุหรี่ และยาเสพติด..แม้กระทั้งในห้องแต่งตัว
Rob เล่าว่า " พวกเราอยากให้บรรยากาศการทำงานปลอดโปร่งน่ะครับ "....
Rob เคยชอบไปงานปาร์ตี้ในช่วง high school แต่ถึงวันนี้ เขาเลิกดื่มมา 5 ปีแล้ว
" พวกเราไม่คิดว่าการดื่มหรือติดยาเสพติดเป็นสิ่งทั่วๆ ไปสำหรับวงการนี้...สำหรับวงดนตรีที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนท้องถนน...คุณจะเมาไปทำงานไม่ได้หรอกนะครับ "
ส่วน Mike ก็พูดว่า " พวกเราก็ไม่ได้ยึดคติอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกครับ...มันเป็นนิสัยของพวกเราเองมากกว่า...ตอนที่ผมเรียนศิลปะ...ผมกับเพื่อนก็มักจะรวมกลุ่มกันวาดรูปและคุยเรื่องงานศิลปะ..มากกว่าจะออกไปปาร์ตี้...
พวกเราเป็นวงแบบนี้ล่ะครับ...และผมว่าคนอื่นๆ ก็มองออกว่าเราไม่ได้ติดยาเสพติด...ดนตรีไม่ได้เป็นบทสรุปไปสู่สิ่งอื่น "

Mike ย้ำหนักแน่นว่า " แต่ดนตรีคือบทสรุปในตัวมันเองครับ "
ในปี 1998...Chester กลับมาจากการซ้อมดนตรีกับวง Gray Daze และมันคงจะเป็นการซ้อมที่ไม่ดีเท่าที่ควร..เพราะเขาสาบานกับภรรยาของเขาว่า..เขาจะเลิกอาชีพเกี่ยวกับดนตรี


Samantha ยังจำได้ดีว่า " Chester กลับมาถึงบ้าน..ก็ตะโกนอย่างหงุดหงิดว่า...จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับดนตรีบ้าๆ นี่อีกแล้ว...ฉันมองเขาและก็พูดว่า..' ฉันไม่ให้คุณเลิกหรอกนะ...รู้ไหม ฉันเสียเวลาดูคุณซ้อมดนตรี...ฟังเพลงของคุณในวิทยุหรือฟังคุณเล่นกีตาร์...คุณเป็นหนี้ฉันนะ '


และฉันก็ยังบอก Chester อีกว่า ' ฉันรู้ว่าวันหนึ่ง..คุณจะได้รับโทรศัพท์จาก L.A....คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม '

Samantha บอกเหตุผลว่า " เมื่อคุณรักใครสักคน..คุณก็อยากจะสนับสนุนในสิ่งที่เขาชอบน่ะค่ะ "...Chester พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย


ตอนที่ Chester จะไป L.A. นั้น ...Samantha ไม่ห้ามเขาเลย..." ฉันรู้ค่ะว่าสิ่งที่เขาจะทำมันจะต้องประสบความสำเร็จ..และฉันรู้ว่าถ้าฉันไม่ให้เขาไป L.A. มันจะเหมือนกับว่าเขายังไม่ได้ทำอย่างถึงที่สุด..และการที่เขาจะต้องมานั่งคิดว่า ทำไมถึงไม่ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้...มันจะเป็นเรื่องที่แย่มากจริงๆ ค่ะ "



Chester ไป L.A. โดยที่ต้องทำตัวเหมือนคนเร่ร่อน...ไปอยู่บ้านเพื่อนคนนู้นคนนี้บ้าง...บางทีก็ไปอาศัยบ้านญาติบ้าง..


แม้กระทั่งนอนในรถก็เคยมาแล้ว..." รถของผมวิ่งได้ไม่เกิน 35 ไมล์ต่อชั่วโมงด้วยซ้ำ...ไฟหน้าทั้งสองดวงก็แตก..และผมก็ไม่มีเงินแม้แต่จะซ่อมมัน "


...ช่วงที่กำลังบันทึกเสียง Hybrid Theory นั้น Chester นอนในรถเพราะว่าสตูดิโอปิดตอนกลางคืน...พอสตูดิโอเปิดในตอนเช้า...เขาก็รีบวิ่งเข้าไปและทิ้งตัวลงนอนบนโซฟานุ่มๆ...นอนหลับรอสมาชิกคนอื่นๆ ที่กำลังจะมาถึง

Chester เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวน 4 คน...แม่เป็นพยาบาล..ส่วนพ่อเป็นตำรวจและนักสืบมาถึง 30 ปี...พอตอนอายุ 11 ปี ..พ่อกับแม่ของเขาก็แยกทางกัน

ในบทสัมภาษณ์แรกของ Linkin Park... Chester เปิดเผยถึงช่วงเวลาที่เขาเคยถูกทารุณทางเพศรวมไปถึงการใช้ยาเสพติด...ซึ่งเขาบอกว่าในตอนนั้นเขาคิดว่ายาเสพติดจะช่วยในการแต่งเพลง


" เพลงที่ผมตั้งส่วนมากจะเกี่ยวกับความรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง ความกลัว ความหวาดระแวง...มักจะมีคนถามผมว่าเป็นเรื่องที่ผมแต่งขึ้นหรือเปล่า..คำตอบของผมคือ...ไม่ใช่ "


Chester เล่าว่า การที่เขามาจากครอบครัวที่แตกแยกทำให้เป็นการง่ายที่จะตกเข้าสู่วังวนของยาเสพติด..มันทำให้เขาคิดว่าการติดยาไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร...และนั่นเป็นการหลอกตัวเองที่ยาวนานถึง 5 ปี..

" ผมรู้สึกมีความมั่นใจ..มีความรู้สึกว่าควบคุมตัวเองได้เวลาผมดื่มเหล้า "


Chester เลิกโคเคนได้ก่อนที่เขาจะพบกับ Samatha ในปี 1996...แต่ช่วงทัวร์คอนเสิร์ตในฤดูใบไม้ร่วงปี 2001...Chester ก็ขนเหล้าดีกรีแรงขึ้นไปดื่มบนรถบัส


Chester ยอมรับว่า " ผมรู้สึกว่าผมกำลังทำตัวเหมือนนักร้อง rock & roll ทั่วๆ ไป "...สมาชิกคนอื่นในวงรับรู้ถึงความเครียดของ Chester...และช่วงพักการแสดงก็ปล่อยให้เขาเก็บตัวเมาแอ๋อยู่ในสตูดิโอบนรถบัส

Chester เล่าต่อว่า " ผมรู้สึก{^_^}ตัวเองมากเลยครับ...และนั่นเป็นที่มาของเพลง Crawling..ผมทนตัวเองไม่ได้...แต่เนื้อเพลงจะเกี่ยวกับการที่คุณต้องมีความรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำ...เนื้อเพลงที่ผมแต่งไม่มีคำว่า 'you' เลยครับ...เพราะผมกำลังพูดถึงตัวของผมเอง...ผมเขียนถึงเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น...มันมีบางอย่างภายในที่ทำให้ผมรู้สึกย่ำแย่ "


วันที่ 2 เดือนมกรคม ปี 2002...Chester ก็สามารถเลิกเหล้าได้อย่างเด็ดขาด..และตอนนี้เขาก็ไม่ดื่มจนเมามายอีกต่อไปแล้ว

ในร้านอาหารเมือง Santa Monica ...Chester กับ Samatha ชนแก้วน้ำแร่ให้กับการที่ Chester เลิกเหล้าได้
Chester ยอมรับว่า " การทำเพลงในอัลบัมต่อไปคงยุ่งยากมากขึ้น...เพราะตอนนี้ชีวิตผมมีแต่ความสุข "


Chester เล่าถึงแผนการดนตรีในอนาคตว่า " พวกเรายังไม่อยากพัก...เราอยากทำซัก 3 อัลบัมก่อนที่จะหยุดพัก...เพราะตอนนี้พวกเราพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง "
แต่เขาก็ไม่สามารถอดคิดได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด...


" ผมค่อนข้างหงุดหงิดนะครับ...พวกเราเป็นอัลบัมอันดับหนึ่งของปีนี้...เราได้ Grammy Award...ทำไมต้องเป็นอัลบัมแรกด้วยที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้...มันจะทำให้อัลบัมต่อไปถูกนำมาเปรียบเทียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ "

" แต่ผลงานของพวกเราก็คู่ควรกับสิ่งที่ได้มา...มันไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เราก็จะได้มาง่ายๆ...ทุกอย่างที่คุณเห็น..ไม่ว่าจะเป็นโน้ตทุกตัวในเพลง..เราก็เป็นคนแต่ง..ทั้งฝึกซ้อมและแสดงคอนเสิร์ต..สิ่งต่างๆ เราก็เป็นคนออกแบบ...ถ้ามีคนมาพูดว่า เราไม่สมควรที่จะได้ความสำเร็จแบบนี้...พวกเขาก็พูดผิดอย่างแรงเลยครับ "

" มันคุ้มค่า..เพราะว่าเราทำงานกันอย่างหนัก..คุณต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองครับ..เราใช้เวลา 2 ชั่วโมงหลังแสดงเสร็จ..คุณกับแฟนเพลง..และแจกลายเซ็น...พวกเราไม่ปฏิเสธแฟนเพลงเลย...พวกเรานั่ง..ยืน..เดินไปมาเพื่อคุย, ถ่ายรูป..แจกลายเซ็นให้แฟนเพลง..จนขาชาไปหมดเลยล่ะครับ "


พูดจบ Chester ก็ก้มมองขาตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่า..ขาของเขายังเป็นปกติอยู่..พร้อมกับหัวเราะออกมา



wildfantasia

Home