การกลับมาของความหวัง
ตอนที่ 1 ความฝัน กิลเลี่ยน&ซีเรีย
เราต่างก็จำไม่ได้ว่าอยู่ที่นี่มานานขนาดไหนแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ได้ยืนอยู่ที่ตรงนั้น
ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่แสนดีนั่น
ยิ่งพยายามนึกก็ราวกับจะถูกดูดกลืนหายไปกับอดีตที่มองไม่เห็น เป็นความทรงจำที่สุดจะหยั่งถึง ไม่ว่ายามตื่นหรือยามหลับ
ไม่ว่ายามเจ็บหรือสบาย เราก็ไม่อาจมองเห็นได้เลย ไม่อาจเพ่งมอง หรือ ค้นหาตัวตนของเราได้เลย
" ซีเรีย ซีเรีย ตื่นเถอะ "
เป็นเสียงเดิม เหมือนทุกครั้ง รู้สึกว่านานเกินกว่าจะบอกว่านานขนาดไหน เป็นเสียงที่ชวนให้รู้สึกสบายใจจริงๆ
.........นี่เป็นเวลาเช้าใช่ไหมนะ
" ....กิล " ดวงตาของผมเริ่มจะสะท้อนภาพของเขา ในฝัน ทั้งยามหลับ ยามตื่น
คนๆนี้ใช่ไหม ไม่...มันนานกว่านี้
" นายเป็นอะไร เหมือนเดิมอีกแล้วรึ คราวนี้เห็นอะไรล่ะ "
" .......เจ็บ ที่หน้าผาก ร้อน ร้อนเหมือนกับจะไหม้ "
" ตรงแผลนี่ใช่ไหม " กิลแตะแผลเป็นที่หน้าผากผม ภาพตัวเองที่สะท้อนในกระจกช่างอัปลักษณ์นัก
รอยแผลเป็นนั่นไม่แต่เพียงจะยิ่งเด่นชัดขึ้น สีของมันเริ่มแดง แดงจนคล้ายสีเลือด
" ฉันจะตายไหม กิล...ฉันฝันอีกแล้ว ผู้ชายคนนั้นยิงฉัน แผลนี่ เขายิงฉันตรงกลางหน้าผากเลย
ฉันล้มลง ฉันตาย ใช่...ฉันตายแล้ว "
" นายยังไม่ตายซักหน่อย ยังมีชีวิตอยู่ นี่ไง หัวใจนายยังเต้นอยู่นะ "
กิลจับมือผมไปแตะที่หน้าอก ใช่ผมยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย คนตาย
หัวใจไม่เต้น ผมหมดแรงแล้ว น้ำตาไหลลงมาจากไหนก็ไม่รู้ นี่...ผมอยากตายหรืออยากมีชีวิตอยู่กันแน่ ที่นี่ที่ไหนกัน
........................................................
เป็นเช้าที่ไม่โสภานัก ซีเรียฝันอีกแล้ว นี่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบเดือนที่เขาฝันว่าตัวเองถูกยิงตาย มันบ่อยขึ้น เขาเริ่มฝันแบบนี้ตอน 7
ขวบเห็นจะได้ ตอนนั้น 6 เดือนจะฝันซักครั้งมั้ง แต่มันก็บ่อยขึ้น บ่อยขึ้น ผมกลัว ถ้าเป็นแบบนี้เขาอาจจะฝันถึงทุกคืนในอนาคต
ทุกครั้งที่ฝัน เขาจะมีอาการเพ้อแบบนี้ ไม่เป็นตัวของตัวเอง จะว่าเหมือนคนบ้าก็ไม่เชิงนัก
" นายจะไปทำงานไหม ถ้าลุกไม่ไหวฉันจะโทรไปลาให้ " ผมไม่หวังให้ซีเรียบอกว่าไม่ไปหรอก
ดูสีหน้าเขาดีขึ้นแล้ว ยังไงก็คงจะไปล่ะ
" ฉันไปไหว อย่าลำบากเลย .......เย็นนี้ นายเข้าเวรรึเปล่า "
" ฉันจะรีบกลับ มีข้าวเหลือรึเปล่า "
" .......... " ซีเรียไม่ตอบ เขาเดินไปที่ตู้ก่อนที่จะส่ายหัวเบาๆ
" ไม่ต้องห่วงนะ " ผมรู้ว่าคงจะยากที่จะไม่ต้องห่วง แต่เราก็ชินกับสภาพแบบนี้แล้ว
มันเป็นแบบนี้มานมนานแล้ว
ไอ้การที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกินนี่
" ฉันจะเบิกเงินเดือนล่วงหน้า นายไม่ต้องหรอก ถ้านายเหมืองโกรธจะพาลโดนไล่ออกจากงานเปล่าๆ
"
" เดือนนี้นายเบิกไป 2 หนแล้วนะ พวกนั้นใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างใช้งานนายยังกับทาส
"
" .........เราก็เป็นทาสเขาจริงๆนั่นล่ะ ฉันไม่เป็นไรหรอก "
ผมอยากตามไปส่งเขาที่โรงงานแต่ก็ทำไม่ได้ มันคงไม่ดีถ้าแม้แต่ผมก็ต้องไปทำงานสายและลงเหมืองใต้ดินไม่ทันเวลา
นั่นเท่ากับขาดงานไปทั้งวัน ...............ผมเคยคิดว่าเราจะมีชีวิตที่สบายกว่านี้ แต่ดูเหมือนมันจะแย่ลงเรื่อยๆ
ครอบครัวเราเคยอยู่ที่นอกด่าน 10 ปีก่อนที่นั่นเกิดอุทกภัยหนัก เราต้องอพยพเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงที่ 3 ที่เซนต์ยอร์ชนี่
ปีต่อมาพ่อกับแม่ก็จากไป ผมกับซีเรียก็ต้องช่วยตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้น สถานะของพวกเราเสียเปรียบอยู่ 2 อย่าง ประการแรก
เราเป็นพวกนอกด่าน เข้าเมืองผิดกฎหมาย ปกติคนประเภทนี้ก็พอจะหางานดีๆทำได้ถ้าได้นายจ้างเป็นเรื่องเป็นราว
ส่วยเหตุผลอีกข้อหนึ่ง พวกเราเป็น.....มนุษย์ โลกตอนนี้เป็นอาณาจักรของพวกต่างดาวเกือบทั้งนั้น
พวกลูกครึ่งกับพวกต่างดาวจะได้รับสิทธิในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพที่ดี ส่วนมนุษย์แท้ๆอย่างพวกเรา เป็นพลเมืองชั้น3
อย่างที่ซีเรียพูด เราเป็นทาสของพวกนั้นดีๆนั่นเอง
งานที่ผมทำอยู่คือเป็นคนงานเหมืองขุดแร่ใต้ดิน ส่วนซีเรียทำงานที่โรงงานอาหารกระป๋องของรัฐบาล
เราได้งานที่ค่อนข้างดีล่ะนะ
ถ้าเทียบกับมนุษย์โลกบางคนที่ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าหรืออาหาร รายได้ขั้นต่ำของพลเมืองชั้น 1 ระดับผู้บริหาร ทหาร เจ้าหน้าที่รัฐบาล
และคนมีการศึกษาสูงอยู่ที่ 15,890 ฟิล ได้ข่าวมาเหมือนกันว่าปกติจะมากกว่านี้ พลเมืองชั้น 2
ที่มีฐานะเป็นลูกครึ่งหรือมนุษย์ต่างดาวอยู่ที่การศึกษาไม่สูงนัก 7,456 ฟิล ในขณะที่พลเมืองชั้น 2 ระดับมีการศึกษาได้ 9,231 ฟิล
ส่วนพลเมืองชั้นสามที่เป็นลูกครึ่งหรือมนุษย์ต่างดาวได้รายได้ที่ 284 ฟิล สำหรับพวกเรา มนุษย์โลก ไร้การศึกษา
.....เราไม่มีรายได้ขั้นต่ำที่กำหนดในธรรมนูญของรัฐ แต่ปกตินายจ้างจะให้ที่ 43 ฟิลต่อเดือน ขอบอกไว้ก่อนว่าข้าวสารกระสอบหนึ่ง
ราคาท้องตลาดทั่วไปอยู่ที่ 40 ฟิล ฐานะของพวกเราเป็นอย่างไร เพียงเท่านี้ก็พอประมาณตนได้
" อีก 3 นาที ก็สายแล้วนะเพื่อน " คันลี่ทักผมขณะที่กำลังลงลิฟท์มาชั้นใต้ดิน
นั่นก็ใช่ แต่ไม่ใช่เรื่องของเขาที่ต้องมาสนใจผมนี่
" วันนี้ขุดที่ไหน " ผมถามเขาก่อนที่จะเดินออกจากลิฟท์เพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
" ที่นั่น ท่อก๊าซที่ทางเชื่อมไปเมืองวาลกัน ไง...กลัวรึเปล่า "
" เรื่องอะไร "
" ที่นั่นว่ากันว่ามีกลิ่นก๊าซฉุนที่สุด ถ้าพลาดนิดเดียวมีสิทธิถูกรมควันตายได้เลยนา
"
" มันก็เสี่ยงทุกวันนั่นล่ะ "
" ไม่กลัวตายเลยรึไง "
" ฉันไม่ตายหรอก " ถ้าผมตาย ซีเรีย จะทำยังไง ผมไม่ตายหรอก....จะไม่ตายก่อนซีเรียแน่
ทำไม ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้
ปวดที่หัวใจราวกับจะตาย ราวกับว่ามีบางอย่าง บางอย่างที่เคยปล่อยทิ้งไป หลุดมือไป ซีเรีย....หมอนั่นน่ะเรอะ
...............................................