![]() |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
บทที่ 3 พระคัมภีร์เป็นบทประพันธ์ หากท่านสนทนากับใคร แล้วต้องการให้เขาเข้าใจท่าน ท่านจะต้องคิดหาวิธีการบางอย่างเพื่อให้เขาเข้าใจ พูดอีกนัยหนึ่ง ต้องการให้สิ่งที่ท่านพูด และวิธีที่ท่านใช้เป็นผลสำเร็จ เปรียบเสมือนปาฐกถา บทความ หรือ ข้อเขียนที่มีประสิทธิภาพ หากผู้เขียนบรรยายแนวความคิดได้อย่างกระจ่างแจ้ง ผู้เขียนพระคัมภีร์เลือกใช้ถ้อยคำของตัวเอง แล้วจัดเรียงใหม่ให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย เมื่อท่านศึกษาถึงการเลือกวิธีที่จะเสนอแนวความคิดของผู้เขียน ท่านจะเข้าใจยิ่งขึ้น เข้าใจคำว่า “เราเป็นเถาองุ่น และท่านทั้งหลายเป็นแขนง” นั้นหมายความว่าอะไร หากทราบรูปแบบและวิธีการเขียนของผู้เขียนนั้น ๆ อย่างแท้จริง ในบทเรียนนี้ ท่านจะศึกษาเกี่ยวกับ
ในบทเรียนนี้จะช่วยท่าน
ภาษาที่แปลตรงตัว และภาษาเปรียบเทียบ จุดประสงค์ : เพื่อรับทราบถึงความแตกต่างระหว่างภาษาที่แปลตรงตัวและภาษาเปรียบเทียบ พระเจ้าพอพระทัยให้เราเข้าใจความจริง ซึ่งพระองค์ทรงสำแดงแก่เราทางพระวจนะ พระองค์มิทรงให้ผู้เขียนบอกเล่าในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เขาเขียนล้วนแต่ความจริงทั้งสิ้น และบ่อยครั้งที่สุดที่เขาใช้ภาษาที่แปลตรงตัวได้เลย ดังนั้นเราก็เข้าใจได้ว่า พระคัมภีร์มีความหมายตามถ้อยคำที่ระบุไว้ เมื่อเราอ่านว่า “พระเยซูเสด็จไปที่ภูเขาเพื่ออธิษฐาน” (ลูกา 6:12) เราทราบได้เลยว่านั่นคือ ความจริงที่พระองค์ได้ทรงกระทำ เมื่ออ่านว่าพระองค์ “ทรงขนาบไข้” ไข้ก็หาย” (ลูกา 4:39) เราทราบได้เลยว่านี่เป็นความจริง แต่เมื่อเราอ่านข้อความอื่น ๆ เช่น “ยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” (ยอห์น 1:29) เราแปลความตรง ๆ ตามตัวอักษรไม่ได้เสียแล้ว เพราะพระองค์ไม่ใช่ลูกแกะ หรือสัตว์ พระองค์ถูกเปรียบเทียบเสมือนลูกแกะ ซึ่งสมัยของพระคัมภีร์เดิม ใช้เป็นเครื่องบูชาไถ่โทษบาป ดังนั้น ภาษาบางตอนของพระคัมภีร์เป็นภาษาเปรียบเทียบ เพื่อช่วยอธิบายความจริงให้กระจ่างแจ้ง ภาษาเปรียบเทียบประกอบด้วยข้อมูลที่จะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่เข้าใจยาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่เรารู้อยู่ก่อนแล้ว ยอห์นให้เราคิดถึงภาพของพระคริสต์เหมือนลูกแกะ ที่ถวายบนแท่นบูชาไถ่โทษบาป เพื่อให้เข้าใจจุดหมายที่พระคริสต์เสด็จมาในโลกได้ ภาษาเปรียบเทียบทำให้เราเข้าใจความหมายฝ่ายจิตวิญญาณ ซึ่งเราไม่อาจเห็นได้ด้วยสายตา ในบทเรียนที่ 1 บอกว่า พระเยซูทรงเปรียบเทียบพระองค์เป็นผู้ประทานน้ำแห่งชีวิต อาหาร แสงสว่าง ผู้เลี้ยงแกะ ครั้งหนึ่งพระองค์ตรัสว่า “นี่แนะ เราจะแอบย่องมาเหมือนขโมย” (วิวรณ์ 16:15) ตัวอย่างเหล่านี้ทำให้เห็นว่า เราไม่สามารถเปรียบพระเยซูกับสิ่งเหล่านั้นได้ตรง ๆ พระองค์เพียงแต่เหมือนสิ่งเหล่านี้บางประการ ภาษาที่ใช้เปรียบเทียบนี้เพียงเพื่อช่วยให้ทราบความจริงมากยิ่งขึ้น พระเยซูคริสต์มักใช้ภาษาเปรียบเทียบสอนบรรดาสาวก พระองค์ใช้เรื่องราวง่าย ๆ เพื่อเขาจะเข้าใจ ในมัทธิว 18:10-14 พระคริสต์ได้เล่าเรื่องแกะหลงหาย ทรงเปรียบเทียบคริสเตียนเสมือนหนึ่งแกะ พระองค์ต้องการสอนเราว่า พระองค์เป็นห่วงเป็นใยเราทั้งหลายทุกคน เหมือนผู้เลี้ยงเป็นห่วงแกะที่หลงหาย ภาษาเปรียบเทียบบางอย่างอาจเป็นสัญลักษณ์ สัญลักษณ์ คือ คำซึ่งทดแทนความจริงบางอย่าง เช่นคำว่า แสงสว่าง เกลือ เป็นสัญลักษณ์ของคริสเตียน เราเป็นเหมือนสิ่งเหล่านี้ แม้กระทั่งบางสิ่งบางอย่างที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ได้ด้วย ในพิธีมหาสนิทนั้น ขนมปัง และเหล้าองุ่น เป็นสัญลักษณ์ของพระกายและพระโลหิต ซึ่งทำให้เราระลึกถึงความตาย และการทนทุกข์ของพระคริสต์ การจัดเรียงความคิด จุดประสงค์ : แนวทาง 6 ประการที่ผู้เขียนใช้ในการจัดลำดับความคิด หากเราเขียนอะไรสักอย่าง เราต้องระมัดระวังในการใช้ความคิด เราจะเพียรพยายามนำแนวความคิดต่าง ๆ มามีส่วนสนับสนุนแนวความคิดหลัก ที่เหมาะสมกลมกลืน ในตอนนี้ เราจะอภิปรายวิธีการเขียนต่าง ๆ ที่เราใช้กันอยู่ บางครั้ง เรานำสองหัวข้อเข้ากัน หรืออาจเชื่อมต่อมากกว่านั้นก็ได้ ตาม 1 โครินธ์ 1:3, 4,8,9 เปาโลใช้เหตุผลและผลตอบสนอง และการทบทวนเพื่อที่จะทำให้เกิดความกระจ่างแก่เรา รูปแบบของการเขียน วัตถุประสงค์ : เพื่อจะทราบวิธีการเขียนในพระคัมภีร์ ประวัติศาสตร์ พระคัมภีร์เป็นประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าและมนุษย์ ดังนั้น พระคำจึงถูกเขียนขึ้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของบุคคลจริง ๆ ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำให้เขียนเกี่ยวกับคนนั้นคนนี้เฉพาะเจาะจง เพื่อแบ่งปันกับเราทั้งหลาย เมื่อเราได้อ่านแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าดีขึ้น เราจะได้รับการเสริมความเชื่อเมื่อเราได้เรียนรู้ถึงความยากลำบากและชัยชนะของบุคคลเหล่านี้ ยกตัวอย่าง เมื่อเราอ่านตอนที่พระเจ้าทรงเรียกกิเดโอนให้ทำการบางสิ่ง กิเดโอนต้องบากบั่นภายใต้ความกลัว เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับที่พระเจ้าทรงนำและประทานชัยชนะให้ประชาชนเหนือความกลัว และความล้มเหลว (ดูในผู้วินิจฉัยบทที่ 6 และ 7) เรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเรื่องของพระคริสต์เอง โดยการเลียนแบบตัวอย่างของพระองค์ ทำให้เราสามามารถดำเนินอยู่ในความเชื่อพระเจ้าได้ เราพบเรื่องประวัติศาสตร์อยู่ทั่วไปในพระคัมภีร์ หนังสือเล่มที่ระบุเฉพาะว่าเป็นประวัติศาสตร์จริง ๆ คือ ตั้งแต่ โยชูวาไปจนถึงเอสเธอร์ ในพระคัมภีร์เดิม และมัทธิวไปจนถึงกิจการในพระคัมภีร์ใหม่ จากปฐมกาลถึงเฉลยธรรมบัญญัติเป็นส่วนผสมระหว่างประวัติศาสตร์และผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยพระวจนะ ในประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ พระเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะพูดกับแก่ประชากรโดยตรง พวกเขาประกาศน้ำพระทัยและจุดมุ่งหมายของพระเจ้า คำเผยพระวจนะก็คือคำกล่าวของคนเหล่านั้นนั่นเอง คำของพวกเขานั้นเป็นความจริงซึ่งสัมฤทธิ์ผลได้ และเป็นการพยากรณ์ความจริงที่จะสำเร็จในอนาคตด้วย อาจมีคำเผยพระวจนะบางตอนยังไม่สำเร็จ พวกเขาพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นแม้ในยุคสุดท้ายด้วยเช่นกัน ในหนังสือเอเสเคียล ดาเนียล และวิวรณ์ ได้กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้มากมาย ท่านจะได้รับประโยชน์หากศึกษาคำพยากรณ์ที่สำเร็จแล้ว ตามที่อธิบายไว้ในพระคัมภีร์ใหม่ เช่น พระธรรมกิจการ ได้อ้างอิงถึงสิ่งที่พยากรณ์ในพระคัมภีร์เดิมหลายตอนที่สำเร็จแล้ว ในที่นี้หมายรวมถึงเรื่องการพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมา การทนทุกข์ของพระเจ้า และการที่พระองค์ถูกปฏิเสธ การตกเป็นทาสของอิสราเอลในประเทศอียิปต์ การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระคริสต์ ความรอดที่มีไปยังคนต่างชาติ และใจแข็งกระด้างของมนุษย์ทั้งหลายที่มีต่อพระกิตติคุณ บางครั้งอาจมีความหมายของคำพยากรณ์ที่ยากแก่การเข้าใจ เพราะเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ แม้กระนั้นก็ตาม เรายังต้องศึกษาให้กระจ่าง เพื่อจะเห็นภาพแผนการณ์ของพระเจ้าสำหรับอย่างเด่นชัด ในพระคัมภีร์เดิม 17 เล่ม ตอนท้าย สดุดี และวิวรณ์ ประกอบด้วยข้อความที่เกี่ยวข้องกับคำพยากรณ์มากมาย บทกวี บทกวี เป็นข้อความที่เขียนเป็นบรรทัด และใช้คำคล้องจอง เพื่อแสดงความรู้สึกในส่วนลึกของอารมณ์ ในขณะที่ประวัติศาสตร์พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หรือ พูดถึงสิ่งที่มนุษย์ทำ บทกวีสำแดงในสิ่งที่มนุษย์คิดและรู้สึก อาจเป็นความสุข ความโศกเศร้า ความท้อแท้ใจ ความชื่นชมยินดี ในบทกวีนั้นได้ใช้ภาษาเปรียบเทียบต่าง ๆ มากมายซึ่งไม่อาจตีความหมายอย่างตรงตามตัวอักษรเหมือนกับพวกประวัติศาสตร์ ดังเช่น เมื่อเราอ่านหนังสือหรือบทกวีในสดุดี สุภาษิต ปัญญาจารย์ และเพลงซาโลมอน หรือบทกวีอื่น ๆ ที่พบในพระคำตอบอื่น ๆ เราจำต้องสังเกตภาษาเปรียบเทียบที่ผู้เขียนใช้นั้น การเสนอถ้อยทำนองในข้อเขียนนั้น ผู้เขียนชาวฮีบรูมักจะประสาน 2 บรรทัดเพื่อเสนอความคิดควบคู่กันไป เราเรียกว่า คำขนาน สิ่งที่ประสานกันนั้น อาจอ่านตามกันไป ในสดุดี บทที่ 5 ความหมายของบรรทัดแรก “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงฟังเสียงเอียงพระโสตสดับถ้อยคำของข้าพระองค์ ขอทรงฟังเสียงคร่ำครวญของข้าพระองค์” ในบรรทัดต่อไปอีก 2 บรรทัด มีการทบทวนแต่ละบรรทัดในขั้นต้น และใช้วิธีนี้ตลอด ใน 2 บรรทัดนั้นอาจเกี่ยวกับการเปรียบเทียบ “ความกระวนกระวายของคนถ่วงเขาลง แต่ถ้อยคำที่ดีกระทำให้เขาชื่นชม” (สุภาษิต 12:25) หรืออาจจะเป็น 2 บรรทัดที่มีการเพิ่มแนวความคิด ขยายความต่อเนื่องกันไป เพื่ออธิบายให้เข้าใจ วิธีนี้ใช้ในหนังสือโยบ 36:21 ซึ่งเริ่มต้นว่า “ระวังให้ดี อย่าหันไปหาความบาปผิด” ในประโยคต่อไปได้เพิ่มความกระจ่างขึ้นคือ เพราะท่านเลือกสิ่งนี้มากกว่าเลือกความทุกข์ใจ” แนวความคิดในเรื่องบทกวีนี้ เกี่ยวข้องกับเรื่องอารมณ์ของชีวิต โยบอธิบายความทุกข์ทรมานของมนุษย์ สดุดีชี้แนะแนวทางในการนมัสการพระเจ้า สุภาษิตแสดงให้เห็นความต้องการด้านสติปัญญา เพื่อที่จะนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ปัญญาจารย์ทำให้เราเห็นชีวิตในแนวลบ น่าสงสัย เพลงซาโลมอนทำให้เราทราบเกี่ยวกับความรัก การแต่งงาน จดหมาย จดหมายนั้นสังเกตได้ง่าย เพราะเริ่มต้นด้วยคำทักทาย ปราศรัย มีเนื้อหาหลัก มีการลงท้าย ตัวเรื่องของจดหมายอาจเกี่ยวข้องกับการตอบคำถามต่าง ๆ ที่ได้กล่าวถึงในจดหมายของคนอื่น ๆ ดังนั้น เป็นการดีที่จะระลึกถึงว่าจดหมายเป็นการตอบสนองความต้องการเฉพาะ มิใช่จะมีคำสอนที่หมายรวมไปถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย อัครทูตเปาโลได้เขียนจดหมาย 13 ฉบับในพระคัมภีร์ใหม่ เราเรียกว่าจดหมายฝากจากเปาโล ยังมีอีกหลายคนเขียนจดหมายฉบับอื่น ๆ อีก 8 ฉบับ หากเราศึกษาจดหมายเหล่านี้หมด แล้วเปรียบเทียบคำสอนต่าง ๆ เราจะได้รับแนวทางในด้านความเชื่อและชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ข้อทดสอบ 1) ภาษาที่แปลตรงตัว 2) ภาษาเปรียบเทียบ _____ก. ในกรุงเยรูซาเล็ม ที่ริมประตูแกะมีสระอยู่สระหนึ่ง (ยอห์น 5:2) _____ข. จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า (ยอห์น 1:29) _____ค. เราเป็นประตูของแกะทั้งหลาย (ยอห์น 10:7) _____ง. แกะอื่นซึ่งมิได้เป็นของคอกนี้เราก็มีอยู่ (ยอห์น 10:16) 2. อ่านเรื่องข้าวละมาน ในมัทธิว 13:24-30 และคำอธิบายในข้อ 36-43 เลือกข้อที่สัมพันธ์กัน
4. จับคู่ความสัมพันธ์
เฉลย
GUEST BOOK / WEB BOARD / SHARE&CARE / KIDS CENTER / FAMILY / COMPOSITION / PRAY CENTER / BIBLE STUDY /ARTICLES / MALL CENTER / NEWS / PICTURES / CONTACT US / WEB LINKS /PRAISE&WORSHIP/ HOME บทที่ 4 >> |
|