![]() |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
บทที่
7
การศึกษาตัวบุคคล คนทุกที่ไม่ว่าคนหนุ่มหรือแก่มักสนใจเรื่องราวเพราะทำให้เกิดความสนุกสนาน แล้วยังมีบทเรียนสอนใจเราอีกด้วย เรามักจะจดจำเรื่องดี ๆ ได้ พระเยซูทรงทราบถึงคุณค่าของเรื่องต่าง ๆ ด้วย พระองค์ทรงใช้เรื่องหล่านั้นที่จะเปรียบเทียบความจริงฝ่ายวิญญาณจิตด้วย เราต้องขอบพระคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทรงเลือกที่จะบันทึกเรื่องราวทางพระคัมภีร์ในรูปแบบของคนจริง ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งมีอายุอยู่หลายปีมาแล้วในโลกนี้ พวกเขาได้ประสบปัญหาหลายอย่างเหมือนอย่างที่เราทุกคนกลัวประสบอยู่ในปัจจุบันนี้ อย่างเช่น โมเสส ดาวิด และเปโตรก็มีข้อผิดพลาดและเรียนรู้จากความผิดพลาดเขาด้วย เราจึงได้อ่านเรื่องราวของคนเหล่านี้ เพื่อเป็นประโยชน์ในประสบการณ์ของเรา นอกจากนั้น เรายังสามารถอ่านเรื่องราวแห่งชัยชนะและความเข็มแข็งในความเชื่อของบุคคลเหล่านั้นอีกด้วย ในบทเรียนนี้ท่านจะได้เรียนเรื่อง ในบทเรียนนี้จะช่วยท่านเกี่ยวกับ วัตถุประสงค์ของการศึกษาตัวบุคคล วัตถุประสงค์ : ให้ตระหนักถึงความจริงอันสำคัญยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาตัวบุคคล พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงบุคคลต่าง ๆ กว่า 2,900 คน แม้ว่าหลายคนที่ได้กล่าวถึงเป็นเพียงแต่ชื่อเท่านั้น บางคนก็มีรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขา ซึ่งทำให้เราได้ศึกษาเฉพาะตัวเขา การศึกษาตัวบุคคลเราจะมองชีวิตของเขาในประวัติศาสตร์ เราจะดูว่าเขาเป็นอย่างไร เขาทำอะไร และเขามีรูปแบบอย่างไรบ้าง การเรียนแบบนี้เกิดผลมากหากนำมาสอนเด็ก เพราะเด็กจะจำเรื่องของเด็กน้อยโมเสสในตะกร้าได้ หรือ เด็กหนุ่มดาวิดที่เผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่โกลิเอท หรือ เรื่องของรูปที่เก็บข้าวตกในนา หรือเด็กน้อยเยซูในรางหญ้า ซึ่งก็จะทำให้เขาได้เรียนรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าเกี่ยวกับตัวเขาได้ ผู้ใหญ่ก็เช่นกัน จดจำเรื่องราวตัวบุคคล โดยเฉพาะคนเหล่านั้นที่จะต้องต่อสู้กับความอ่อนแอ และขี้สงสัย เหมือนคนทั้งหลายในโลกนี้ แม้จะมีบุคคลบางคนที่ดูเหมือนว่าสมบูรณ์แบบเลยก็ตาม แต่คนเหล่านั้นก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ ตามยากอบ 5:17 เราพบความจริงว่า “ท่านเอลียาห์ก็เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนกับเราทั้งหลาย และท่านได้อธิษฐานด้วยความเชื่ออันแรงกล้า” ดาวิดเป็นผู้ถูกเรียกว่าอยู่ในดวงใจพระเจ้า แต่ก็ยังมีเหตุการณ์บางตอนที่ดาวิดมีมลทิน เพราะการโกหก และฆาตกรรม มิได้หมายความว่าพระเจ้าพอพระทัยกับความผิดบาปของเขา แต่ดาวิดเป็นผู้ที่อยู่ในดวงใจของพระเจ้า เพราะดาวิดยอมสารภาพบาป เขาจึงได้รับการยกโทษ ดาวิดเรียนรู้ในเรื่องความผิดพลาดโดยการจำยอมกับพระเจ้า เราเรียนจากชีวิตของดาวิดเพื่อที่เราจะไม่ทำผิดพลาด ความผิดพลาดของดาวิดเปรียบเสมือนความมืดครึ้มในเวลากลางคืน เป็นการเตือนเราให้อธิษฐานเพื่อเราจะไม่ตกในการทดลอง ดังนั้น พระคัมภีร์เน้นวัตถุประสงค์ของการศึกษาชีวประวัติบุคคลเหล่านั้น “เหตุการณ์เหล่านี้มิได้เกิดแก่เขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้บันทึกเพื่อเตือนสติเราทั้งหลาย” (1 โครินธ์ 10:11) คุณปู่หรือคุณพ่อคงจะให้คำแนะนำที่ดีแก่เราได้ เพราะเขาทราบปัญหาต่าง ๆ ของชีวิต เขาทราบว่าอากาศเป็นอย่างไร การทำปศุสัตว์เป็นอย่างไร สัตว์แต่ละชนิดเป็นอย่างไร การทำงาน การประกอบธุรกิจ ผู้คนทั้งหลายเป็นเช่นไร โดยปกติแล้ว จะเป็นง่ายหากเราได้เรียนจากคนเหล่านี้ มากกว่าเรียนจากกฎเกณฑ์ในหนังสือ ดังนั้น พระคัมภีร์จึงมิได้เขียนเป็นกฎเกณฑ์ตายตัว แต่กลับบันทึกประสบการณ์ต่าง ๆ ของคนจริง ๆ ว่าพระเจ้าได้ทรงทำงานในคนเหล่านั้นอย่างไรบ้าง เราอ่านและศึกษาตัวบุคคลเพื่อที่จะมีความรู้เพิ่มขึ้น อันเป็นการช่วยในการดำเนินชีวิต คริสเตียนของเรา ในการศึกษาเกี่ยวตัวยาโคบ ให้เราดูว่าเราจะได้เรียนรู้ความจริงต่าง ๆ กี่ครั้ง และเราจะนำไปใช้ได้อย่างไร แรงจูงใจการศึกษาเรื่องราวของตัวบุคคล วัตถุประสงค์ : บอกเราว่าจะศึกษาชีวประวัติบุคคลในพระคัมภีร์อย่างไร หลังจากเลือกตัวบุคคลที่ต้องการศึกษาแล้ว ให้จดข้อพระธรรมอ้างอิงต่าง ๆ เท่าที่จะหาพบเกี่ยวกับบุคคลนั้น ๆ ซึ่งก็คล้ายกับเรื่องการศึกษาพระคัมภีร์เป็นเรื่อง ๆ อาจมีบางตอนสั้นเกินไป หรือยาวเกินไป เช่น เอสเธอร์ ได้อธิบายไว้เฉพาะในหนังสือเอสเธอร์เท่านั้นเอง เรื่องของโมเสสกระจายไปอยู่ในหนังสือต่าง ๆ ถึง 4 เล่มใหญ่ ๆ และยังมีกล่าวถึงในพระธรรมเล่มอื่น ๆ อีกตั้ง 26 เล่ม ขออย่าละเลยข้อพระธรรมอ้างอิงต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ เพราะข้ออ้างอิงเหล่านั้นจะช่วยเราให้เข้าใจในตัวบุคคลได้ดีขึ้น เราต้องไม่สับสน โดยนำเรื่องราวของคนสองคนที่มีเหมือนกันในพระคัมภีร์มาปะปนกันด้วย เพื่อเป็นการอธิบายเรื่องนี้มีสุภาพสตรีชื่อว่า มาเรียในพระคัมภีร์ใหม่ด้วยกัน 6 คน มีสุภาพบุรุษชื่อยอห์น 4 คน และมีคนชื่อยากอบถึง 3 คนด้วยกัน ประการต่อมา ให้อ่านข้ออ้างอิงเหล่านั้น แล้วเขียนบันทึกเกี่ยวกับชีวิตของคนนั้น การทำงาน หรือ เรื่องราวส่วนตัว โดยรายละเอียด และพยายามค้นหาเรื่องราวภูมิหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เช่น ความหมายของชื่อ บรรพบุรุษ ชีวิตในวัยเด็ก มีอิทธิพลต่อวัยหนุ่มสาวของเขาบ้าง ยกตัวอย่าง ทิโมธีเจริญเติบโตขึ้นในทางของพระเจ้า เนื่องจากในรับอิทธิพลทางคุณยายโลอิส และคุณแม่ยูนิส ให้สังเกตดูว่า บุคคลที่เขาคบหาสมาคมด้วยเป็นใคร คนเหล่านั้นมีอิทธิพลกับบุคคลนี้ได้อย่างไรบ้าง ในการศึกษาเรื่องของดาวิด ท่านจะเข้าใจมากขึ้น หากได้เรียนเรื่องของเพื่อนเขา คือ โยนาธาน ให้สังเกตถิ่นฐานที่เขาอาศัยอยู่หรือสถานที่เดินทางไป เช่น โมเสสมี 3 ช่วงด้วยกัน คือ ช่วงอายุ 40 ปีในวิหารอียิปต์ ต่อมา 40 ปีในการเลี้ยงแกะให้มีเดียน และ 40 ปี ในการนำชนชาติอิสราเอลไปยังแผ่นดินพันธสัญญา ก็เหมือนกับจดหมายบางฉบับของอาจารย์เปาโล ที่มีความหมายดีหากเราจะตระหนักว่าจดหมายเหล่านั้นเขียนขึ้นในคุก บุคคลต่าง ๆ ในพระคัมภีร์มีความแตกต่างกันอย่างไร เปาโล เปโตร และยอห์น เป็นผู้นำในคริสตจักรยุคแรก ๆ พระเจ้าทรงใช้คนเหล่านี้ในรูปแบบในตะลันต์ตามความเป็นจริง เปาโลเป็นที่รู้จักในฐานะอัครฑูตแห่งความหวัง และท่านยอห์นเป็นที่รู้จักในฐานะอัครฑูตแห่งความรัก เราเห็นความเข้มแข็งของคนเหล่านี้ แล้วก็เห็นความอ่อนแอของเขาด้วย ความผิดพลาดบางประการ มีบางสิ่งมีผลกระทบต่ออนาคตของเขาอย่างไรบ้าง ให้เราค้นหาสิ่งที่เขากระทำในขณะนั้น แล้วมองดูชีวิตของเราในปัจจุบันนี้ควบคู่กันไป ภายหลังจากที่ได้สำรวจสิ่งเหล่านั้นแล้ว ให้สรุปออกมาว่า บทเรียนที่ท่านได้เรียนเกี่ยวกับคน ๆ นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ชื่อตัวบุคคล ความหมายของชื่อ สถานที่เกิดหรือบ้าน ชื่อญาติพี่น้องและเพื่อน ชื่อในประวัติศาสตร์ สิ่งเฉพาะอื่น ๆ จุดอ่อน ความเข้มแข็ง เหตุการณ์สำคัญ ๆ สิ่งสำคัญที่ได้กระทำ บทเรียนที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเขา เรื่องราวของยาโคบ วัตถุประสงค์ : เรียนบทเรียนต่าง ๆ เกี่ยวกับชีวิตของท่านยาโคบ เรื่องราวของยาโคบเป็นประโยชน์มากในการศึกษาเรื่องราวตัวบุคคล ท่านเป็นบุคคลที่ยังคงมีความบกพร่อง แต่ท่านมักจะแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดเหนือคนอื่น ความผิดพลาดได้ถูกบันทึกในพระคัมภีร์ เราทั้งหลายคงเห็นตัวเราเองในบุคลิกของยาโคบด้วยเช่นกัน แต่โดยพระคุณของพระเจ้า และฤทธิ์อำนาจแห่งการเปลี่ยนแปลง พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงเราจากคนที่ขี้หลอกลวงมาเป็นทายาท ที่มีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับพระเจ้า (ดูโรม 9:10-13) พระคัมภีร์ได้ประยุกต์กับประสบการณ์ของยาโคบและของเราได้ “เพราะฉะนั้นทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นแก่ความตั้งใจ หรือการตะเกียกตะกายแต่ขึ้นพระกรุณาของพระเจ้า” (โรมัน 9:16) แน่นอนที่สุดคือ ความหวังสำหรับเราทุกคน หากเราจะยอมให้พระเจ้าเป็นผู้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา การเริ่มต้นศึกษาชีวิตของยาโคบ ประการแรกก็ คือ การหาข้ออ้างอิงที่เกี่ยวกับตัวยาโคบ เรื่องราวของยาโคบปรากฏใน ปฐมกาล 25-50 อาจจะมีข้ออ้างอิงสั้น ๆ ตอนอื่น รวมอยู่ใน มัทธิว 1:2 , 8:11 ลูกา 1:32-33, ยอห์น 4:5-6 ; กิจการ 7:8-16,32 โรม 9:11-13 ฮีบรู 11:9,13,21 ประการที่สอง อ่านข้อความนั้น ๆ แล้วบันทึกออกมา ยาโคบเป็นคู่แฝดที่เกิดตามหลังพี่ชายคือ เอซาว ยาโคบจับซ่นเท้าของพี่ชายออกมา ชื่อยาโคบนั้นจะเป็นคำแปลหมายถึง “หลอกลวง” (ปฐมกาล 25:26) บิดาของยาโคบและมารดา คือ อิสอัคและเรบาคา และคุณปู่ของเขาก็คือ อับราฮัม ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นบิดาของชนชาติฮีบรู อับราฮัมมีเชื้อสายสืบตามมาจากท่านโนอาห์ ซึ่งอยู่ในเชื้อสายของเชม (11:10-26) ยาโคบพักอาศัยอยู่กับบิดามารดาและพี่ชาย คือเอซาวซึ่งเป็นคนเงียบ และเป็นที่โปรดปราณของเรเบคาผู้เป็นแม่ (25:27-28) แต่ยาโคบเป็นคนหลอกลวง (25:31-34) เขาขโมยสิทธิของพี่ชายซึ่งเป็นสิทธิบุตรหัวปี นั่นก็คือการขโมยพระพรไปนั่นเอง (27:33-36) เมื่อเป็นเช่นนั้น ยาโคบต้องจากบ้านไปเพื่อหลบหนี้จากความโกรธแค้นของพี่ชาย ยาโคบไปยังฮารานแล้วไปอาศัยอยู่กับลุงชื่อ ลาบัน (27:42-43) ในระหว่างที่พักอยู่นั้น ลาบันหลอกใช้ให้ยาโคบทำงาน เพราะยาโคบต้องการแต่งงานกับนางราเชล แต่ลาบันมอบเรอาห์ให้แต่งงานกับเขาก่อน (29:23) ดังนั้น ยาโคบจึงต้องทำงานต่อไปอีก 14 ปี เพื่อที่จะได้แต่งงานกับราเชล แล้วยังต้องใช้เวลาอีก 6 ปี ในการสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อที่จะมีแกะของเขาเอง (31;41) ลาบันนั้นเปลี่ยนแปลงค่าแรงของยาโคบถึง 10 ครั้งด้วยกัน (31:7) ชีวิตของยาโคบต้องเปลี่ยนที่อยู่หลายครั้ง ที่เบเออร์เชบา ยาโคบเป็นนักหลอกลวง (28:10) ที่ฮารานทำงานให้กับลาบัน ยาโคบเป็นทั้งนักหลอกลวงและผู้ถูกหลอกลวง (30:25-43) ในฮีโบรนเขาเริ่มเป็นผู้ชอบธรรมภายหลังจากที่ได้พบกับพระเจ้าที่แคว้นคานาอัน (37:1) และในบั้นปลายชีวิตยาโคบเป็นที่ยอมรับว่าเป็นผู้มีสติปัญญาในประเทศอียิปต์ (46:3-4) ตามนิสัยแล้วยาโคบเป็นคนหลอกลวง แต่แม้ว่าเขาจะกระทำความผิด เขาได้ตั้งจิตใจในส่วนที่พระเจ้าทรงกระทำไว้ (25:23) ยาโคบยอมรับในคุณค่าของสิทธิบุตรหัวปี ซึ่งเอซาวไม่สนใจใยดีเท่าไหร่ (25:33-34) และในพระพรของพระเจ้า ท่านพอใจกับคุณค่าทางฝ่ายวิญญาณจิต ภายหลังจากความฝันเกี่ยวกับพระสัญญาของพระเจ้ากับเขาแล้ว ยาโคบได้ตั้งสิ่งที่เป็นที่ระลึกที่เบธเอล ที่ประชาชนทั้งหลายจะนมัสการพระเจ้า เขาสัญญาว่าจะถวาย 10% ของรายได้ทุกสิ่งที่ได้รับต่อพระเจ้า (28:11-22) แม้กระนั้นก็ตาม ยาโคบต้องทนทุกข์กับความผิดพลาดที่ได้กระทำขึ้น บุตรสาวของเขา ดีนาห์นั้นถูกกระทำการอัปยศ บุตรชายของเขาเป็นคนหลอกลวงและฆาตกร (34) ราเชลจบชีวิตลงด้วยการคลอดบุตร (35:16-20) สูญเสียโยเซฟ บุตรคนแรกที่เกิดจากราเชล (37:34-35) ยาโคบ รู้สึกไม่พอใจบุตรคนที่ 4 คือ ยูดาห์ (38) และท่านต้องแยกจากเบนจามินบุตรชายคนเล็ก (43) เมื่อมองย้อนหลังไปยังชีวิตของท่านยาโคบ เรามองเห็นวิกฤติการณ์เกิดขึ้นในแถบคานาอัน ที่ยาโคบได้ปล้ำสู้กับพระเจ้า นับเป็นเวลา 20 ปีที่ยาโคบ พระเจ้าทรงเปลี่ยนชื่อของเขาว่า อิสราเอลซึ่งหมายความว่า พระโอรสซึ่งอยู่กับพระเจ้า พระองค์ประทานพรใหม่แก่ยาโคบ (32:24-30) เขาได้ยอมจำนนชีวิตตลอดชีวิตต่อพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง แม้ในท่ามกลางปัญหาและความวุ่นวาย (47:9) พระเจ้าทรงอนุญาตให้ยาโคบได้เห็นสิ่งที่อยู่ในอนาคต และยอมประทานพระพรแก่บรรดาบุตรของโยเซฟ (48:13-20) และบุตรชายของเขาด้วย (49) ข้อทดสอบ
คำเฉลย
GUEST BOOK / WEB BOARD / SHARE&CARE / KIDS CENTER / FAMILY / COMPOSITION / PRAY CENTER / BIBLE STUDY /ARTICLES /MALL CENTER / NEWS / PICTURES / CONTACT US / WEB LINKS / PRAISE&WORSHIP/ HOME
|
|