ปลายปี
1989
ผมมาถึงเมืองเองเจียง
ในหมู่บ้านเล็กๆซึ่งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศจีน
ที่นั่นมีคนอยู่เพียง
20
กว่าหลังคาเรือน
หญิงชาวนาคนหนึ่งได้เปิดประตูต้อนรับผมให้เข้ามาพักอาศัยในบ้านของเขา
ผมไม่เคยรู้สึกอบอุ่นมากเท่านี้มาก่อน
หญิงเจ้าของบ้านเป็นคุณย่าแล้วต่อมาผมเรียกเธอว่าพี่สาว
ผมไม่กล้าโกหกเธออีก
ผมถามเขาว่ารู้ไหมผมเป็นใคร
เธอบอกว่ารู้เราเห็นคุณในทีวี..
และรู้มัยถ้าเปิดบ้านรับผมไว้จะเป็นอันตรายมาก
ผมเห็นเธอไม่รู้สึกตื่นเต้นผิดกับเพื่อนผมที่ตื่นกลัวมาก
ผมคิดไปว่าคนที่ไม่การศึกษาก็ดีไปอย่างไม่ต้องรู้สึกกลัวไม่คิดมาก
ผมเตือนเธอว่าถ้าเธอถูกจับอาจติดคุก
ถ้าโทษผมหนักต้องติดคุกถึง
50 ปี
เธอกลับตอบว่าไม่เป็นไร
ติดคุกตลอดชีวิตก็เป็นพยานเพื่อพระเจ้าได้
ฟังแปลกๆ
เธอยังพูดว่านักศึกษาอย่างผมถ้าไม่ถูกตามจับคงไม่มาที่บ้านนี้แน่นอน
นี่ต้องเป็นเพราะพระเจ้าทรงนำมา
ทุกสิ่งก็ได้ร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ต่อคนที่รักพระองค์
คุณก็มาแล้วอยู่ที่นี่ไม่ต้องกังวลใจ
พี่สาวจะอธิษฐานเผื่อคุณรับรองตำรวจหาคุณไม่พบแน่
เธออธิษฐานเผื่อผมทุกวันไม่เพียงเท่านั้นยังพยายามสุดกำลังที่จะทำอาหารที่ดีที่สุดที่มีในบ้านให้ผมทานทุกวัน
ที่จริงอาหารที่ดีที่สุดก็เป็นเพียงแป้งข้าวเจ้าที่นำมาบดรวมกับโสม
แต่ว่าร่างกายของผมบอบช้ำมามากจึงไม่ดีขึ้น
เธอจึงขอยืมแป้งหมี่จากเพื่อนบ้านมาทำซุปให้ผมโดยเฉพาะ
ผมจึงเป็นคนเดียวในบ้านที่ทานอาหารดีที่สุด
เรื่องนี้ทำให้ผมไม่สบายใจ
เมื่ออยู่ที่เทียนอันเหมินผมคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดเพราะพวกข้าราชการเหล่านั้นโกงกินประชาชน
พวกเขาอยู่อย่างราชา
อาหารที่เขาทานแต่ละมื้อเท่ากับชาวนาอยู่กินได้ชั่วชีวิต
เหล้าที่พวกเขาดื่มราคาเป็นหมื่นหยวน
พวกเขาโกงกินเกินกว่า
60 ล้าน
เมื่อเราอยู่ในบ้านหลังใหญ่เราจะดูถูกชาวนาได้อย่างไร
แต่ผมเห็นว่าเธอไม่รู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำนี้เลย
เธอมักปลอบใจผมว่าไม่ต้องคิดมากเมื่อคุณหายดีแล้วเราค่อยมาทานเหมือนกัน
แต่ผมรับไม่ได้ถ้าเราอยู่ในประเทศเดียวกันก็ไม่ควรมีชีวิตที่ต่างกันมากขนาดนี้
ต่อมาเธอเห็นว่าสุขภาพผมยังไม่ดีขึ้นเลย
เธอจึงจัดการฆ่าแม่ไก่ทำซุปให้ผม
ไก่นับเป็นสัตว์เศรษฐกิจของชาวนา
เพราะเขาจะเอาไข่ไปแลกซื้อสินค้าในเมือง
เช่นเกลือ
ไม้ขีดไฟ
อื่นๆ
เมื่อผมทานไก่ตุ๋นทำให้คิดถึงคำพูดท่านเมาว่า
“โลกนี้ไม่มีรักที่ปราศจากการตอบแทน”
ผมชักใจไม่ดีคิดว่าทำไมหญิงคนนี้แสดงความรักมากเช่นนี้ต่อผม
ทุกครั้งที่ดื่มซุปไก่อดคิดไม่ได้ว่าผมเป็นหนี้บุญคุณเธอนับวันจะเพิ่มขึ้นทุกที
แล้วจะตอบแทนเธอได้อย่างไรหรือบางทีเธออาจดีดลูกคิดในใจว่าวันหนึ่งผมจะกลับมาได้อีก
แต่นั่นแหละเวลานั้นมันเมื่อไรกัน
เธออาจจะแก่ตายก่อนหรือผมคงต้องตอบแทนคุณนี้ให้ลูกสาวเธอก็ได้
ต่อมาผมรู้ว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเมื่อร่างกายของผมเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ
วันหนึ่งเธอบอกผมว่าคุณช่วยอ่านหนังสือให้พี่สาวฟังหน่อยได้ไหม
เมื่อวานเพิ่งส่งมาถึงบ้านของเรา
หนังสือที่เธอว่านั้นเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นด้วยลายมือชื่อ
“พระธรรมยอห์น”
เป็นพระคัมภีร์ของคริสเตียน
ผมรู้จักพวกหนังสือกิตติคุณมี
4 เล่ม
ขณะที่อ่านผมรู้สึกประทับใจคำว่า
“ความเชื่อ”
ในวัยเด็กผมเชื่อแบบคอมมูนนิสย์
ทุกคนมีความเสมอภาคเท่ากันหมด
เราไม่เคยรู้ว่ามีความบาป
พระธรรม 66
เล่มนี้ถูกคัดลอกด้วยลายมือและแบ่งเวียนกันอ่าน
64 ครอบครัว
เมื่อครบแล้วเล่มต่อไปจะถูกส่งมา
เราจะอ่านอาทิตย์ละครั้ง
ในยอห์น 1:1
กล่าวถึงพระวาทะหรือธรรมะ
ซึ่งเป็นเรื่องที่คนจีนเข้าใจกันดี
เราพูดถึงธรรมะกันบ่อยเต๋าก็คือธรรมะ
แต่คริสเตียนกล่าวว่าธรรมะมาบังเกิดเป็นมนุษย์คือพระเยซู
พระองค์ทรงสร้างโลกและทรงช่วยโลกให้รอด
ผมรู้สึกว่าพระคัมภีร์เขียนอ่านง่ายๆและชัดเจน
ไม่ต้องมีการศึกษาก็อ่านเข้าใจได้
ผิดกับหนังสือของพวกนักวิชาการที่เราเคยเรียนบางเล่มอ่านกี่รอบก็ไม่เข้าใจ
ครูผู้สอนก็ไม่เข้าใจ
แม้แต่ผู้เขียนเองก็เขียนจากความไม่รู้แท้จริง
เขาบอกว่าถ้าทุกคนมีคำตอบแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเขียนหนังสืออีก
แต่ในพระเจ้ามีคำตอบสำหรับทุกสิ่ง
ผมได้คำตอบว่าโลกนี้พระเจ้าสร้าง
พระเยซูมาเพื่อความบาปของเรา
ทุกครั้งที่อ่านเสร็จผมจะได้ดื่มซุป
เมื่อเราอ่านได้ระยะหนึ่ง
เธอบอกให้เรามาแบ่งปันกันคงเหมือนกับการเรียนที่อาจารย์ให้เรามาถกปัญหากัน
แต่เธอบอกไม่ใช่พระคำของพระเจ้าถกปัญหาไม่ได้แต่ต้องแบ่งปันความคิดให้กัน
เราคุยกันถึงพระธรรม
2
ตอนคือเรื่อง
“หญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ”
ในบทที่ 4
และ “หญิงที่ถูกจับฐานล่วงประเวณี”
ในบทที่ 8
เธอให้ผมพูดก่อนว่าจากชีวิตหญิง
2
คนนี้ผมเห็นอะไรบ้าง
ผมเห็นว่าพระเยซูทรงเป็นน้ำพุเข้ามาในความคิดของหญิงชาวสะมาเรีย
ทรงถ่ายทอดความคิดนี้ให้เธอ
เธอถามว่าทำไมหญิงคนนี้ถึงมีสามี
5 คน
ผมบอกก็คงหย่า
5 ครั้ง
แล้วคุณคิดว่าการหย่า
5
ครั้งในสมัยสองพันปีที่แล้วเป็นเรื่องปกติงั้นหรือแสดงว่าหญิงคนนี้เป็นคนไม่สะอาดเป็นคนชั่ว
และยังเป็นชาวสะมาเรียที่พวกยิวรังเกียจด้วย
แต่ทำไมพระเยซูจึงไปหาคนบาปชั่วและมอบความรักให้เธอ
ผมพบว่าการรู้จักพระคัมภีร์ไม่ได้อยู่ที่การศึกษา
ผมไม่สามารถอ่านพบความลึกซึ้งของพระธรรมเท่าหญิงชาวบ้านคนนี้
ส่วนบทที่ 8:2-11
นั้นเธอถามว่าควรทำโทษอย่างไรดี
ก็ให้เอาหินขว้างตายเพราะเธอผิดจริง
เธอบอกถ้างั้นคุณก็ทำผิดต่อกฎหมายโรมเพราะคุณฆ่าคนตายถ้าปล่อยก็ผิดกฏของโมเสส
เรื่องนี้ผมคิดว่าตัดสินยากต้องอาศัยปัญญา
พระเยซูทรงก้มลงเอานิ้วพระหัตถ์เขียนที่ดินแล้วตรัสอย่างแผ่วเบาว่า
“ใครในพวกท่านที่ไม่เคยทำผิดบาปให้เอาหินขว้างก่อน”
ปรากฏว่าคนเริ่มทยอยออกไปหมดตั้งแต่คนชราถึงเด็ก
พระองค์ก็ไม่เอาผิด
แต่ขอให้เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่าทำบาปอีก
ทุกวันนี้เราเห็นคนบาปตัดสินคนบาปแม้แต่ในศาล
พระคัมภีร์บอกว่ามนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปและเสื่อมไปจากพระสิริของพระเจ้า
ความรักของพระเจ้าเท่านั้นที่ให้คำตอบแก่หญิงนี้ได้
คำตอบนี้ทำให้ผมดีใจมากผมเริ่มคิดว่าตัวเองเป็นคนบาป
ในวันที่มีการนองเลือดนั้นเลือดทุกๆ
หยดที่หลั่งออกมามีความสัมพันธ์ต่อผม
ผมไม่ได้เป็นคนดี
ผมผิดต่อคนในครอบครัว
เป็นลูกที่ไม่ได้เชื่อฟัง
ไม่ได้เป็นสามีที่ดีหรือพ่อที่ดี
แต่ความรักของพระเยซูมาถึงหญิงคนนี้ได้
ผมจึงถามว่าแล้วความรักของพระเจ้าจะมาถึงผมได้ไหม
เธอตอบแน่นอนเพราะขนาดหญิงคนนี้เป็นคนบาปมากพระเจ้ายังช่วยได้
ผมเริ่มสนใจและอ่านเองโดยไม่ต้องให้ใครเชิญอีกและได้พบแสงสว่างมาก
การประชุมกลุ่มตามบ้านในประเทศจีนไม่เหมือนกับในประเทศโลกเสรีที่กำหนดตายตัว
แต่เขาจะประชุมกันในช่วงฤดูเกี่ยวแล้วและจะประชุมทุกวันเวียนตามบ้านและทำอย่างหลบๆซ่อนๆ
เวลาประชุมผมต้องไปหลบในหลุมที่เขาเอาไว้เก็บพืชผลเพื่อใช้ในฤดูหนาว
ที่นั่นมีกลิ่นอับและมีตัวแมลงมาคอยกัดตลอดเวลา
ผมถามพี่สาวว่าทำไมไม่เลื่อนไปที่อื่น
เธอบอกไม่ได้เพราะจะผิดสังเกต
เวลานี้ผมก็ยังไม่สามารถให้ใครเห็นได้มากๆจะเป็นอันตราย
การประชุมแต่ละครั้งจะยาวมากบางครั้งร้องเพลงนมัสการถึง
4
โมงเย็นร้องกันแบบผิดๆถูกๆไปตามเรื่องตามราว
บางเพลงเป็นทำนองพื้นบ้านที่ร้องเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่เดือน
1 ถีง เดือน 12
บรรยายว่าเขามารู้จักพระเจ้าได้อย่างไร
เขาร้องว่า..พอถึงเดือน
12
ก็เข้าคุกแล้วพบพระเจ้าเพราะมีคนประกาศกิตติคุณในคุก
ผมจึงรู้ว่าในคุกมีพวกคริสเตียนมากมาย
พวกเขาเข้าไปเป็นเกลือและแสงสว่างแก่คนคุก
ดังนั้นคริสเตียนจึงไม่กลัวติดคุกเพราะเขาได้ประกาศเรื่องพระเยซูในคุกด้วย
วันหนึ่งเขาร้องเพลงบทหนึ่งเป็นเพลงง่ายๆ
ไม่มีดนตรี
ร้องผิดโน๊ตผิดจังหวะจนผมขัดใจอยากออกมาบอกว่าร้องผิดแต่ทำไม่ได้
ในที่สุดผมคิดว่าการที่เราจะสรรเสริญพระเจ้าออกมาจากใจเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก
เสียงเพลงนั้นประทับใจและหนุนใจผมเป็นอย่างมาก.
ผมทุกเส้นของคุณพระเจ้านับแล้ว
ภาระหนักของคุณพระองค์แบกแทน
อย่ากังวลร้อนใจในอนาคตนั้นอีก
มีสันติสุขในพระเจ้า
ผมมารู้ภายหลังว่าเพลงนี้เป็นเพลงเก่ากว่า
60 ปีแล้ว
ขณะที่ฟังผมเริ่มร้องไห้
ผมคิดว่าการที่ชีวิตต้องผ่านความทุกข์มามากมายคงต้องมีน้ำพระทัยหรือแผนการณ์อันดีของพระเจ้าแน่นอน
และต้องมีความหมายซึ่งผมยังไม่รู้ในเวลานี้
ผมจำได้ว่าเมื่อตอนที่จากมาลูกสาวอายุเพียง
18 เดือน
เวลานี้พวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง
ภรรยา
พ่อแม่ของผมแม้แต่ตัวผมเองจะเป็นอย่างต่อไปก็หารู้ได้
ภาระอันหนักนี้ผมไม่สามารถแบกได้อีกต่อไป
ผมต้องมอบให้กับพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้าของอนาคตของผม
ต่อมาผมเริ่มชอบการประชุมนี้แม้แต่กลิ่นและตัวแมลงก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการประชุม
ผมได้ฟังพระธรรมหลายตอนไม่ว่าจะเป็นฮีบรู
พงษ์กษัตริย์
ผมรู้สึกตัวเองเหมือนเอลียาห์ที่มาอยู่ในบ้านของหญิงหม้ายผู้ยากจน
มีอีกาคาบอาหารมาเลี้ยง
<BACK
NEXT>
GUEST BOOK / WEB
BOARD / SHARE&CARE / KIDS CENTER
/ FAMILY / COMPOSITION /
PRAY CENTER /
BIBLE STUDY /ARTICLES /
MALL CENTER
/ NEWS / PICTURES
/ CONTACT US / WEB
LINKS /HOME /PRAISE&WORSHIP